Category: สุขภาพ

หญิงสาวชาวเกาหลีคนหนึ่ง แปรงฟันครั้งแรกในรอบ 10 ปี

ปกติแล้วคนเราทุกคนจะรักษาความสะอาดร่างกายและที่อยู่อาศัยของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะร่างกายของเรา คนทั่วไปอาบน้ำแปรงฟันโดยเฉลี่ย 2 ครั้งต่อวันคือตอนเช้าและตอนเย็น โดยเฉพาะผู้หญิงที่จะดูแลความสะอาดของตัวเองเป็นพิเศษ หลายคนยังพกแปรงสีฟันและยาสีฟันไปแปรงตอนหลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จแล้ว ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากเพราะในแต่ละวันเราเจอกับฝุ่น มลพิษมากมาย แถมยังมีเชื้อโรคที่มองไม่เห็น โดยเฉพาะในช่องปากที่มีแบคทีเรียที่เจริญเติบโตอยู่ตลอดเวลา หญิงสาววัยรุ่นชื่อ กีฮยอนจี ยอมรับการทางรายการโทรทัศน์ที่เธอไปออกว่าเธอไม่ได้แปรงฟันมา 10 ปีแม้ว่าครอบครัว และเพื่อน ๆ รอบตัวจะไม่เห็นด้วยก็ตาม สร้างความตกใจให้แก่ผู้ชมที่รับชมรายการในขณะนั้นเป็นอย่างมาก แล้วทั้ง ๆ ที่เธอเป็นบล็อกเกอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องสำอางและการแต่งหน้าและโด่งดังมากในอินเตอร์เน็ตเพราะความสวยหวานและน่ารักของเธอ และยิ้มให้เห็นฟันให้ดูในรายการซึ่งสร้างเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างมาก หลายคนหลังจากที่ได้เห็นฟันของฮยอนจีสารภาพว่าพวกเขาไม่กล้ามองฟันของเธอโดยตรงเพราะพวกเขาไม่สามารถทนมองได้ แม้กระทั่งฟันของคนที่ติดบุหรี่ยังไม่เหลืองเท่ากับฟันของเธอเลย เนื่องจากว่าเธอไม่แปรงฟันมานานมาก พ่อแม่ของเธอไม่ยอมให้เธอจุ๊บหมาที่พวกเขาเลี้ยงไว้ด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าเธอจะแพร่เชื้อโรคและแบคทีเรียที่อยู่ตามฟันของเธอไปที่หมาตัวนั้น หญิงสาวยังเล่าผ่านทางรายการเพิ่มเติมอีกว่าเธอเคยมีแฟนและพอเขาจูบเธอ เขาก็อาเจียนออกมา หลังจากนั้นพวกเขาก็เลิกกันเพราะแฟนของเธอไม่สามารถทนอยู่กับไลฟ์สไตล์ของเธอได้ โดยผู้ชมที่ดูรายการทั้งหมดต่างแสดงความกังวลต่อสุขภาพอนามัยของเธอ และหวังว่าเธอจะเข้าใจว่าสิ่งที่เธอเป็นอยู่มันไม่ดีต่อสุขภาพของเธอเอง การแปรงฟันให้ถูกวิธีนอกจากจะต้องทำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งแล้ว ในแต่ละครั้งที่แปรงฟันควรแปรงอย่างน้อย 5 นาที หากไม่รักษาความสะอาดฟันให้ดี โรคร้ายจะตามมาหลายโรค เช่น ทำให้ฟันผุ ทำให้มีกลิ่นปากและคนรอบข้างจะไม่สะดวกใจที่จะคุยกับคุณเกิดเป็นความไม่มั่นใจในตัวเองตามมา ทำให้เป็นโรคเหงือกอักเสบ โรคหัวใจ โรคเบาหวานโรคหลอดเลือดในสมองหรือแม้แต่มะเร็งในช่องปาก ดังนั้นจึงควรหมั่นดูแลสุขภาพฟันของตัวเองเป็นประจำ นอกจากการแปรงฟันที่ต้องทำเป็นกิจวัตรประจำวันแล้ว ควรใช้ไหมขัดฟันร่วมด้วยในทุกวันเพื่อขจัดคราบที่อยู่บนฟันไม่ให้กลายมาเป็นหินปูน

หญิงสาวทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด หลังจากที่อุ้มลูกหมาของเธอขึ้น

นางสาวเจนนี่ ชาร์ป อายุ 28 ปี เหลือเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงก่อนจะเป็นอัมพาตถาวรซึ่งจะเป็นความทุพพลภาพที่จะเปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล เธอได้กล่าวว่า หลังของเธอเจ็บปวดมากและเธอถูกปล่อยให้เป็นอัมพาตอยู่อย่างนั้นจนอยากจะฆ่าตัวตายหลังจากที่เธออุ้มน้องหมาของเธอขึ้น ไม่กี่อาทิตย์ก่อนเทศกาลคริสต์มาสเมื่อปีที่แล้ว เจนนี่จากนอร์แทมป์ตันเชอร์ สหราชอาณาจักรอยู่ในครัวของเธอและจากนั้นก็ก้มลงเพื่ออุ้มลูกหมาร็อตไวเลอร์สุดน่ารักอายุ 13 อาทิตย์ ชื่อ วินนี่ จากนั้นเธอก็มีความรู้สึกแปลก ๆ ที่ขา แล้วเธอยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในตอนแรกเธอคิดว่ามันคืออาการปวดทั่วไป แต่หลังไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นเธอรู้สึกทรมานมากแล้วขาและบริเวณอวัยวะเพศของเธอก็ไม่รู้สึกอะไรเลย  เธอทุกข์ทรมานทั้งอาทิตย์ต่อมาไม่สามารถขับถ่ายได้ด้วยตัวเอง ซึ่งในตอนนั้นเธอได้กินยาแก้ปวดเพื่อลดความเจ็บปวด หลังจากนั้น 3 วัน เธอไปพบแพทย์เฉพาะทางกระดูกสันหลังซึ่งแจ้งเธอว่าเธอต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล A&E ในทันที และเมื่อทางโรงพยาบาลได้ตรวจร่างกายเบื้องต้นแล้วเธอก็ถูกส่งต่อเพื่อทำการรักษาต่อไป ซึ่งในภายหลังเธอเข้ารับการผ่าตัดที่ผ่านไปได้ด้วยดี โดยหมอที่รักษาเธอในช่วงเวลานั้นได้อธิบายให้เจนนี่ฟังว่าขณะที่เธอนอนอยู่ที่เตียงแบบนี้การพูดและการเคลื่อนไหวของร่างกายเธออาจจะยังไม่กลับมาเป็นปกติเพราะระบบประสาทได้รับความเสียหาย  เจนนี่ได้เปิดเผยในเวลาต่อมาว่าเธอกลัวมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจะไม่ยอมแพ้ เธอตั้งใจว่าจะฝึกพูดและเคลื่อนไหว จะเดินและขยับร่างกายให้มากขึ้น โดยเธอพูดคุยอย่างร่าเริงกับผู้คนที่มาเยี่ยมเยือนเธอ แม้ว่ามันจะทำให้เธอเหนื่อยมากแต่เธอก็ให้กำลังใจตัวเองและยังยืนหยัดต่อไป นอกจากนี้เจนนี่ยังเข้ารับการทำกายภาพบำบัดในโรงพยาบาลเพื่อให้เธอสามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างปกติอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานเจนนี่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย จึงทำให้เธอตัดสินใจย้ายไปอยู่กับพ่อแม่ หลังจากที่เข้ารับการรักษาเป็นเวลานานและได้รับการตรวจร่างกายหลายครั้งทีมแพทย์ก็ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าโรคของเจนนี่มีสาเหตุมาจากอะไร หมอที่รักษาเธออยู่ได้แจ้งพ่อกับแม่เธอว่า เธออาจจะไม่สามารถกลับมาเดินได้อีกต่อไปและหมอเองก็ยังไม่แน่ใจกับโรคที่เธอเป็นอยู่มากนัก แต่ก็ยังแจ้งต่ออีกว่าถ้าเธอพยายามในการทำกายภาพบำบัดอย่างเคร่งครัดก็ยังพอมีความหวังอยู่ เจนนี่เปิดเผยว่า รอยแผลเป็นที่หลังของเธอย้ำเตือนเธอว่า เธอเข้มแข็งกว่าสิ่งที่จะมาหยุดยั้งเธอ และเธอไม่ได้มีความคิดว่าจะโทษวินนี่เลย

ผู้หญิงคนหนึ่ง ได้รับความทรมานและพิการจากสิวติดเชื้อ

สิวเป็นปัญหาที่สาว ๆ หลายคนประสบและพยายามหาวิธีเพื่อที่จะมารักษาแตกต่างกัน ทั้งพยายามรักษาด้วยตัวเองโดยการซื้อครีมมารักษาและบำรุงและไปหาหมอเฉพาะทาง การมีสิวและรอยบนใบหน้าทำให้เสียความมั่นใจในตัวเอง ทำให้ไม่อยากพบปะผู้คน หลายคนเมื่อเกิดปัญหานี้ขึ้นกับตัวเองก็สามารถพาตัวเองไปรักษาได้อย่างง่ายดาย ทั้งในแง่ของการง่ายต่อการเข้าถึงการรักษาและสภาวะทางการเงิน ทั้งปัจจุบันมีนวัตกรรมมากมายที่เข้ามารองรับความต้องการและอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนใบหน้า แต่สำหรับบางคนกลับไม่ได้โชคดีอย่างนั้น การเข้าถึงการรักษาเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่ายนักทำให้ปัญหาที่ใหญ่กว่าตามมา หญิงผู้รับเงินบำนาญรายหนึ่งกล่าวว่าเธอติดเชื้ออย่างหนักจากการกดสิวแค่เม็ดเดียวเมื่อ 6 ปีก่อน ในกรณีนี้เป็นเคสที่เกิดขึ้นได้น้อยมากมีชื่อเรียกว่า neurofibromatosis มีสาเหตุการจากการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ นาง Librada Patam อายุ 68 ปีถูกพบเจอเมื่อเธอเดินไปตามท้องถนนในจังหวัดคาบีเต ประเทศฟิลิปปินส์อาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยใบหน้าที่เสียโฉมและติดเชื้ออย่างรุนแรง เธอบอกอาการของเธอหนักขึ้นเรื่อย ๆ และเธอก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ผู้สัญจรไปมาเกิดคำถามเกี่ยวกับการติดเชื้ออย่างรุนแรงของเธอซึ่งเธอได้ให้เหตุผลว่าเธอเริ่มติดเชื้อหลังจากที่เธอบีบสิวเม็ดหนึ่งในปี 2013 ซึ่งยังไม่แน่นอนเท่าไหร่นักเพราะการติดเชื้อของเธอน่าจะมาจากสาเหตุที่พบเจอได้ยากมากกว่าการติดเชื้อจากสิว ผู้สื่อข่าวไปสัมภาษณ์คนในพื้นที่ โดยได้ข้อมูลมาดังนี้  “เธอพูดเสมอเลยว่าไม่รู้ว่าต้องมีชีวิตไปอีกนานเท่าไหร่ เธอพูดแบบนี้มานานแล้วด้วย”  “เธอบอกว่าเธอเริ่มประสบปัญหานี้หลังจากที่เธอบีบสิวไป”  “ตอนนี้ผู้คนมักจะพูดไม่ดีใส่เธอ ว่าเธอเป็นซอมบี้บ้าง ว่าเธอถูกสาปบ้าง หรือแม้กระทั้งว่ามีปีศาจร้ายสิงเธออยู่” “ เธอไม่มีคนดูแล เธอดูแลตัวเองทุกอย่าง ทั้งซักเสื้อผ้า ทำอาหาร แถมเธอไม่มีที่นอนต้องนอนบนพื้น ทั้ง ๆ ที่อยู่กับลูก”

เด็กหญิงวัย 3 ขวบ กลายเป็นคนไข้มะเร็งเต้านมที่อายุน้อยที่สุดในโลก

มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่พบได้บ่อยกว่ามะเร็งชนิดอื่นและเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของผู้หญิง ซึ่งมะเร็งเต้านมนี้ไม่มีวัคซีนฉีดเพื่อป้องกันเหมือนมะเร็งปากมดลูก โดยปัจจัยเสี่ยงของการเป็นมะเร็งเต้านมมีอยู่หลายประการ ตัวอย่างเช่น มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมซึ่งมีผลเพียงแค่ประมาณ 10 %  การกลายพันธุ์ของยีนส์ในร่างกาย หรือลักษณะของการใช้ชีวิตในแต่ละวัน การเลือกรับประทานอาหารมีผลมากถึง 30 – 40 % เป็นมะเร็งเต้านมแม้อายุเพียง 3 ขวบ แม่ของเด็กน้อยชาวจีนวัย 3 ขวบพบว่าลูกของเธอป่วยเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อเดือนมีนาที่ผ่านมา ซึ่งเธอได้สังเกตว่าเสื้อที่ใส่แล้วมีสิ่งแปลกปลอมสีแดงติดอยู่ แม้ว่าจะคิดว่าเป็นคราบสกปกทั่วไป แต่คุณแม่รายนี้ก็ไปตรวจดูที่หน้าอกของลูกเธอและต้องตกใจที่จับไปเจอก้อนเนื้อตรงหน้าอกด้านซ้าย จากนั้นเธอจึงนำตัวลูกส่งโรงพยาบาลทันทีเพื่อทำการตรวจให้แน่ใจ ซึ่งทางทีมแพทย์ได้แจงว่าทางครอบครัวของเด็กน้อยต้องยกเลิกการให้รับประทานอาหารในแบบที่ผิด เพราะว่าเด็กน้อยมีร่างกายที่โตก่อนวัย ซึ่งทางคุณพ่อคุณแม่ยืนยันว่าไม่ได้ให้ลูกกินอาหารเสริมหรืออาหารที่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด หลังจากที่กลับจากโรงพยาบาลแล้ว ด้วยความกังวลคุณแม่ได้พาลูกไปตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลอื่น ซึ่งทีมแพทย์ตรวจพบเนื้องอกที่อกด้านซ้าย พร้อมทั้งมีอาการบวมร่วมด้วย ซึ่งเบื้องต้นคุณหมอได้สั่งจ่ายยาและมีการผ่าตัด และการผ่าตัดก็เป็นไปได้ด้วยดี และเด็กน้อยก็กลับบ้านเพื่อพักฟื้น หลังจากที่เรื่องราวได้รับการเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต ชาวเน็ตต่างให้ความสนใจและเข้ามาให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม เรื่องมะเร็งเต้านม เราต้องหมั่นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ สร้างความตกใจให้กับคนทั่วโลกเป็นอย่างมากที่ผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมอายุเพียง 3 ขวบเท่านั้น ส่วนผู้อ่านเองหากมีอายุมากกว่า 20 ปี ขึ้นไปควรตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน และเข้าตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุก 3 – 5 ปี

เล่นสมาร์ทโฟนทำให้เป็นโรคมะเร็งได้จริงหรือ

ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนถือเป็นปัจจัยที่ 5 หรือไม่ก็อวัยวะที่ 33 ของผู้คนไปเสียแล้ว เราอยู่กับโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนตั้งแต่ตื่นนอน ไปทำงาน ไปโรงเรียน ไปเที่ยว ขึ้นเขาลงห้วยที่ไหนก็พกเจ้าสิ่งนี้ติดตัวไปด้วยเสมอ โดยประชากรในประเทศไทยมีผู้ใช้โทรศัพท์ถึง 56.55 ล้านคน และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี ส่วนอายุของผู้ที่มีโทรศัพท์ไว้ในครอบครองก็น้อยลง มีหน่วยงานที่รวบรวมสถิติข้อมูลของผู้ที่ใช้อินเตอร์เน็ตปรากฏว่าประเทศไทยไทยติดอันดับ 1 ในโลก และกรุงเทพยังเป็นเมืองที่มีผู้ใช้งานเฟสบุ๊คมากที่สุดในโลกอีกด้วย เล่นโทรศัพท์ก่อมะเร็ง นักวิทยาศาสตร์ให้ข้อสรุปว่า เด็กที่ใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนมีแนวโน้มว่าจะเป็นมะเร็ง 12 ประเภท อันประกอบไปด้วย มะเร็วเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งไต มะเร็งตับอ่อน เป็นต้น นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วเป็นที่ทราบดีว่าความสามารถในการมองเห็นของเด็ก ๆ จะลดลงเมื่อเล่นโทรศัพท์เกินกว่าเวลาที่กำหนดทุกวัน ใน 50 ปีที่ผ่านมา อัตราสายตาสั้นในเด็กพุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าตัวจาก 7.2 % เป็น 16.4 % ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มากจากการเล่นโทรศัพท์มือถือมากเกินไป ผู้ปกครองหลายรายซื้อโทรศัพท์ให้ลูกเพื่อให้ลูกเล่นและจะได้ไม่ร้องงอแง คือให้โทรศัพท์ช่วยเลี้ยงลูก และจากการศึกษาพบว่าเด็กที่มีการบริโภคแบบเฉื่อยซึ่งในที่นี้หมายถึงเด็กจะรับประทานอาหาร หรือนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารนิ่ง ๆ

หวังพึ่งให้รักษา แต่กลับมาทำร้ายกันมากขึ้นกว่าเดิม

ปัจจุบันนี้มีผู้ป่วยทางจิตเวชเพิ่มมากขึ้น โดยมากกว่า 2,600,000 คนในปีที่ผ่านมา การป่วยด้วยโรคจิตเวชเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ทั้งสารสื่อประสาทในสมอง สภาพแวดล้อม การเลี้ยงดู ความผิดปกติของสมอง รวมทั้งการติดต่อผ่านทางพันธุกรรมซึ่งหน่วยงานและสื่อต่าง ๆ ได้ออกมาให้ความรู้ เผยแพร่ความรู้สู่ชุมชน วิธีอยู่ร่วมกับโรคและวิธีอยู่ร่วมกับผู้ป่วยไว้อย่างมากมาย ทั้งในรูปแบบของบทความในนิตยาสาร บทความผ่านทางสื่อออนไลน์ การลงพื้นที่ให้ความรู้ของบุคคลากร ในอดีตการป่วยเป็นโรคทางจิตเวชเชื่อกันว่าเพราะมีวิญญาณร้ายเข้ามาสิง หรือทำผิดประเพณีร้ายแรงของสังคมจึงได้รับการลงโทษ โรงพยาบาลที่รับคนไข้ป่วยจิตเวชเข้ารักษา หรือรักษาโรคเหล่านี้โดยตรง ได้รับขนานนามว่าเป็นโรงพยาบาลบ้า ความเชื่อในรูปแบบนี้ทำให้ผู้ป่วยหลายคนไม่อยากยอมรับว่าตัวเองมีอาการป่วย ไม่ยอมเข้ารับการรักษา และถ้าหากเข้ารับการรักษาก็เท่ากับว่ายอมรับว่าตัวเองป่วยด้วยโรคเหล่านั้น พยายามหยุดยาเอง หรือเมื่อรักษาออกมาแล้วก็อยู่ร่วมกับคนในสังคมได้ยาก สังคมไม่ยอมรับ ล้อเลียน หรือตีตัวออกห่าง สิ่งนี้ทำให้คนไข้หลาย ๆ คนพยายามหาวิธีรักษาโรคที่ตัวเองเป็นด้วยวิธีอื่น โดยที่ไม่ต้องเดินไปที่โรงพยาบาล ถ่ายทอดพลังงานสะอาดด้วยวิธีสกปรก เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้เสียหายหญิง 12 รายซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนบราซิลกล่าวหานาย นายโจอาว เตเซียรา เดอ ฟาเรียอายุ 76 ปี ที่อ้างว่าตัวเองมีพลังจิตวิเศษสามารถรักษาโรคทางจิตเวชได้ และชายผู้นี้มีชื่อเสียงระดับโลกว่าเขาได้ล่วงละเมิดทางเพศและข่มขืนผู้เข้ารับการรักษาตั้งแต่ปี 2553

ทางเลือกใหม่ในการจัดการความเครียด

ในโลกปัจจุบัน ชีวิตในแต่ละวันหมุนเร็วมาก ต้องเจอเหตุการณ์มากมายตั้งแต่ตื่นเช้ามา ทั้งต้องฝ่ารถติดเพื่อไปเรียนหรือไปทำงาน ต้องเตรียมตัวสอบ ต้องเจอกับลูกค้า ต้องเจอกับเจ้านาย ทั้งการเรียน การทำงานและการใช้ชีวิตในมิติอื่นอาจก่อให้เกิดความเครียดและกลายเป็นความเครียดที่สะสมในที่สุดหากไม่ได้รับการจัดการความเครียดที่ดี หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าความเครียดส่งผลกระทบโดยตรงต่อร่างกายของเราและทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพหรือ สสส. ได้ออกมาเปิดเผยว่าความเครียดส่งผลกระทบต่ออวัยวะในร่างกาย เช่น หัวใจ โดยความเครียดทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเร็วและแรงขึ้น หลอดเลือด โดยความเครียดจะทำให้หลอดเลือดตีบตัน ระบบทางเดินอาหาร โดยความเครียดทำให้อาหารไม่ย่อย ท้องอึด หรือท้องผูก หรือแม้กระทั่งมะเร็ง ซึ่งฮอร์โมนในร่างกายที่หลั่งออกมาในขณะที่เราเครียด ทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายลดลง เพราะฉะนั้นการรับมือกับความเครียดและการจัดการความเครียด ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะที่สำคัญ ที่คนในยุคปัจจุบันต้องมีหากต้องการมีชีวิตที่มีความสุขจากข้างใน การจัดการความเครียด การจัดการความเครียดมีอยู่หลายรูปแบบและหลายหลายวิธี โดยกรมสุขภาพจิต ได้ออกมาเปิดเผย 4 วิธีหลักในการจัดการความเครียดอย่างถาวร ผ่านนิตยาสารชีวจิต ดังนี้ 1. การพยายามหลีกเลี่ยง 2. ปรับเปลี่ยนสิ่งที่ทำให้เครียด 3. ปรับตัวเข้ากับความเครียด และสุดท้าย 4. ยอมรับความเครียด แต่จะทำอย่างไรละถ้าเราปฏิบัติตามทุกข้อแล้วแต่ยังพบอยู่ว่าเรามีอาการเครียดหลงเหลืออยู่ ล่าสุดมีนักวิจัยเปิดเผยว่าการฟังเพลง เป็นอีกนึ่งวิธีที่ช่วยลดความเครียดได้ เริ่มจากที่นักวิจัยได้ทำการทดลองโดยการนำผู้หญิงจำนวน 12

เด็กหญิงวัย 9 ขวบ ไปเรียนเต้นแต่กลับต้องเป็นอัมพาต งานอดิเรกใหม่ในหมู่ประชาชนตัวจิ๋ว

ในปัจจุบันการแข่งขันในการเข้าเรียนสูงมาก ผู้ปกครองหันมาให้ความสำคัญและความสนใจต่อการศึกษาของบุตรหลานของตัวเองมากขึ้น จะเห็นได้ว่ามีการตั้งคำถามมากมายระหว่างผู้ปกครองด้วยกันว่าควรเตรียมการสำหรับการศึกษาของลูกน้อยของตนอย่างไร การแข่งขันในระหว่างผู้ปกครองที่ว่านี้ ไม่ใช่เพียงแต่การแข่งขันด้านวิชาการของลูกตัวเองเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงในส่วนของดนตรี กีฬา ศิลปะและงานอดิเรกอื่น ๆ ทั้งยังเห็นได้ว่าผู้ปกครองและเด็กเองหันมาสนใจงานอดิเรก ในเรื่องของการร้องเพลงและการเต้นมากขึ้น โดยเฉพาะการเต้นที่ปัจจุบันมีโรงเรียนสอนการเต้นเปิดตัวขึ้นเป็นจำนวนมาก ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ในประเทศมหาอำนาจอย่างจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้ปกครองก็ให้ความสำคัญในการเข้าร่วมคลาสงานอดิเรกอย่างการเต้นมากขึ้นด้วยเช่นกัน เหตุการณ์เกิดขึ้นที่จีน สำนักงานข่าวจีนรายงานว่าเด็กหญิงชาวจีนวัย 9 ขวบเป็นอัมพาตหลังจากเข้าร่วมคลาสเต้นในจีนตอนกลาง เด็กน้อยชื่อเล่นว่าฮันฮันล้มลงขณะที่เข้าร่วมคลาสเต้นในมนฑณหูหนาน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น เด็กน้อยได้พักจากคลาสและผู้สอนได้บอกให้เธอกลับมาเข้าร่วมคลาสอีกครั้ง เมื่อจบคลาสแล้วเด็กน้อยได้เล่าให้กับพ่อที่มารับเธอว่าเธอเจ็บปวดบริเวณขาเป็นอย่างมาก หลังจากที่เข้ารับการรักษา 4 โรงพยาบาลแล้ว ผู้ปกครองได้รับแจ้งว่าเด็กน้อยได้รับบาดเจ็บตรงกระดูกสันหลังและทำให้เป็นอัมพาต ทีมงานการแพทย์แจ้งกับผู้ปกครองของเด็กหญิงว่ามีโอการที่เด็กน้อยจะกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง เพียงแต่อาจจะให้เวลาเป็นปี ซึ่งด้านคุณแม่ได้เปิดเผยว่าเธอกำลังหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมให้กลับลูกอยู่ที่โรงพยาบาลปักกิ่ง ในขณะที่ผู้สอนในคลาสดังกล่าวปฏิเสธความรับผิดชอบ พร้อมทั้งกล่าวว่าเด็กนักเรียนในคลาสก็มีแบบฝึกหัดเดียวกัน แต่คนอื่นไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ตามผู้สอนเองก็ได้ปฏิเสธให้การกับทางนักข่าว นี่ไม่ใช่รายแรกที่ได้รับบาดเจ็บจากการเต้นจนทำให้เป็นอัมพาต ด้านคุณแม่ของน้องฮันฮันได้เข้าร่วมกลุ่มแชทที่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานได้รับบาดเจ็บจากการเข้าร่วมคลาสเต้น ซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 200 คน ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีเด็กอายุ 4 ขวบได้รับบาดเจ็บจนเป็นอัมพาตช่วงขา หลังจากเข้าร่วมคลาสเต้น โดยในภายหลังผู้ปกครองพบว่า โรงเรียนสอนเต้นไม่มีใบอนุญาต สิ่งที่สำคัญก่อนการตัดสินใจนำบุตรหลานไปเข้าร่วมคลาสเต้น จริงอยู่การเต้นให้ประโยชน์กับเรามากมายนัก ทั้งยังเป็นการออกกำลังกายที่สนุกสนานมาก การเต้นช่วยเราทั้งในเรื่องของระบบกล้ามเนื้อ

นักโภชนาการยืนยันบริโภคผลไม้สดได้ประโยชน์มากกว่าน้ำผลไม้ตามท้องตลาด

ความนิยมของการดื่มน้ำผลไม้ของผู้คนในสมัยนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากสะดวก รวดเร็ว และมีราคาไม่แพง จะเห็นว่ามีน้ำผลไม้ยี่ห้อใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายในท้องตลาดโดยเฉพาะเมื่อถึงฤดูร้อน เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มีชีวิตเร่งรีบ และไม่สามารถหาผลไม้สด หรือไม่มีเวลานั่งเคี้ยวได้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นน้ำผลไม้ตามร้านสะดวกซื้อจึงตอบโจทย์ผู้บริโภควัยทำงานเหล่านี้มากที่สุด ด้วยคำโฆษณาข้างกล่องที่ว่าผลิตจากผลไม้แท้ 100% ทำให้การโฆษณาเหล่านั้นดูน่าเชื่อถือ และดูเหมือนว่าจะได้รับประโยชน์จากน้ำผลไม้กล่อง 100% เช่นกัน แต่ทราบหรือไม่ว่าการบริโภคผลไม้สด และน้ำผลไม้มักมีความแตกต่างในเรื่องการได้รับประโยชน์จากสารอาหาร ข้อดีของการบริโภคผลไม้สดก็คือ ผู้บริโภคจะได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องผ่านการบีบคั้น ความร้อน หรือการแต่งกลิ่นและสี เพียงแต่ต้องนำผลไม้สดไปล้างน้ำให้สะอาดก่อนนำมารับประทาน นอกจากนี้ควรรับประทานผลไม้บางชนิดในปริมาณที่พอเหมาะ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีรสหวานมาก ๆ เช่น ทุเรียน ขนุน มะม่วงสุก เป็นต้น ซึ่งจะมีปริมาณน้ำตาลที่สูง ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เหมือนกัน และคุณจะได้รับวิตามินที่หลากหลายจากการบริโภคผลไม้สด นักโภชนาการหลายท่านได้ให้คำแนะนำว่า น้ำผลไม้ที่ขายตามร้านสะดวกซื้อไม่สามารถทดแทนผลไม้สดได้ 100%  เนื่องจากน้ำผลไม้เหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการผลิตไม่ว่าจะเป็นการเจือสีและแต่งกลิ่นสังเคราะห์ หรือการผ่านความร้อนเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ อีกทั้งน้ำผลไม้กล่องตามท้องตลาดส่วนมากจะต้องปรุงแต่งเพื่อให้มีรสชาติอร่อย และสามารถดื่มได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จึงมีรสชาติหวานที่มากกว่าปกติ ดังนั้นการบริโภคน้ำผลไม้บ่อย ๆไม่ส่งผลดีต่อร่างกายแน่นอน แต่กลับกันอาจเกิดผลเสียต่อระดับน้ำตาลในเลือดที่พุ่งสูงขึ้นจากการบริโภคน้ำผลไม้เหล่านี้เป็นประจำ จากข้อมูลข้างต้นทำให้ทราบว่าน้ำผลไม้ที่วางขายตามท้องตลาดไม่สามารถนำมาบริโภคเพื่อทดแทนผลไม้สดได้เพราะว่ามีระดับน้ำตาลที่สูงมาก ๆ และอาจส่งผลต่อร่างกายได้ในระยะยาว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้หยุดบริโภคน้ำผลไม้เหล่านั้น

หมอผ่าตัดลืมของในท้องคนไข้เหตุสุดวิสัยและความเลินเล่อที่อภัยไม่ได้

                เป็นที่ทราบกันดีว่าการเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเล็กหรือใหญ่ล้วนมีความเสี่ยงต่อสุขภาพในด้านต่าง ๆ แตกต่างกันไป ดังนั้นก่อนเข้ารับการผ่าตัดคนไข้จะได้รับคำแนะนำจากโรงพยาบาลเรื่องการเตรียมตัวก่อนเข้าสู่กระบวนการได้แก่ งดอาหารและน้ำตามคำสั่งของแพทย์ งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าเป็นการผ่าตัดใหญ่นั้นต้องสะสางงาน และเตรียมแจ้งลาหยุดกับทางบริษัทเพื่อไม่ให้เกิดเหตุขัดข้องใด ๆ ระหว่างการพักฟื้น นอกจากนี้ควรพาญาติมาด้วยเมื่อเข้ารับการผ่าตัดโดยเฉพาะการผ่าตัดใหญ่ เหล่านี้เป็นเพียงคำแนะนำส่วนหนึ่งที่คนไข้ควรปฏิบัติตามก่อนเข้าห้องผ่าตัด ในขณะเดียวกันก็ยังมีบางเหตุการณ์ที่ความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากผู้ป่วยแต่เกิดจากความเลินเล่อของคุณหมอดังเหตุการณ์ต่อไปนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2552  นางสาวสุวารี ฉัตราภิวัฒน์ อายุ 23 ปี เดินทางมาร้องเรียนที่กระทรวงสาธารณสุข เธอเล่าว่าได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์บางแค โดยใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) เพราะมีอาการปวดท้อง และไม่สามารถกั้นปัสสาวะได้ แพทย์จึงทำการเอกซเรย์และพบว่ามีสายยางยาวประมาณ 25 เซนติเมตร อยู่ที่บริเวณกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ยังมีก้อนนิ่วฝังตัวอยู่ใกล้กับสายยาง โดยสายยางนี้อยู่ในท้องนานกว่า 5 ปีแล้ว นางสาวสุวารีระบุอีกว่าจะเอาผิดกับโรงพยาบาลศรีวิชัย 2 ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่รักษาตนเมื่อ 5 ปีที่แล้วอย่างถึงที่สุด เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว นางสาวกุลธิดา อรุณมณี อายุ