Category: ข่าวในประเทศ

กระทรวงสาธารณสุขเปิดทาง 16 ตำรับยาสกัดจากกัญชาเริ่มใช้ได้อย่างถูกต้อง

ประเด็นเรื่องการใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมายในบ้านเรา ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหว และเป็นเรื่องที่ยังใหม่ต่อคนไทยทำให้การพิจารณาเรื่องนี้ดูจะต้องใช้ความรอบคอบและใช้เวลาพิจารณากันในหลาย ๆ ด้าน แต่อย่างไรก็ดีล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขของไทยได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการในราชกิจจานุเบกษาแล้วว่า ให้ตำรับยาไทย 16 ตำรับสามารถที่จะใช้กัญชาเป็นส่วนผสมได้อย่างถูกต้อง เปิดทางยาไทยมีส่วนผสมกัญชาได้ กระทรวงสาธารณสุขมองเห็นว่า กัญชานั้นมีทั้งประโยชน์และโทษ ซึ่งตามกฎหมายในบ้านเรานั้น กัญชาเคยจัดให้เป็นสิ่งเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แต่ด้วยการศึกษาวิจัยมาต่อเนื่อง รวมถึงการยืนยันจากต่างประเทศว่า กัญชานั้นมีคุณประโยชน์ในทางการแพทย์สำหรับการรักษาโรคได้ หากนำมาใช้อย่างถูกต้องและถูกสัดส่วนในปริมาณที่แพทย์สั่ง หรือมีการควบคุมโดยแพทย์ กรณีเช่นนี้กัญชาจะส่งผลดีต่อผู้คนมากกว่า นั่นจึงทำให้ไทยเราเองก็ต้องรีบนำเรื่องนี้มาพิจารณา ซึ่งจากการศึกษาของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกรวมกับสภาการแพทย์แผนไทยก็พบว่า ตำรับยาไทยแต่ดั้งเดิมนั้น มีบางตำรับที่จำเป็นต้องใช้กัญชาเป็นส่วนผสม ซึ่งองค์ความรู้เหล่านี้เป็นองค์ความรู้พื้นบ้านที่มีมานาน เป็นภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยที่มีมาแต่ครั้งโบราณ ซึ่งบางตำรับยาสามารถที่จะนำมาใช้รักษาโรคบางโรคอย่างได้ผล เพราะทางกรมการแพทย์แผนไทยได้มีการศึกษาวิจัยมาจนแน่ชัดแล้ว นั่นจึงทำให้ทางกระทรวงสาธารณสุขมองเห็นว่าควรจะต้องเปิดทางให้ตำรับยาไทยพื้นบ้าน 16 ตำรับที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมในการปรุงยา เช่น ยาไฟอาวุธ ยาอัมฤตย์โอสถ ยาน้ำมันสนั่นไตรภพ ยาอภัยสาลี เป็นต้น สามารถนำมาใช้รักษาโรคบางกรณีได้อย่างถูกกฎหมาย จึงได้มีการเสนอให้มีการแก้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษในส่วนของกัญชาเพื่อให้กัญชาสามารถที่จะนำมาใช้ปรุงยาได้ กัญชาที่ด้านมืดและด้านสว่าง แม้ว่าทั่วโลกจะทราบดีว่ากัญชาสามารถนำมาสกัดยารักษาโรคได้หลายชนิด แต่ในขณะเดียวกันทุกคนก็รู้ด้วยว่ากัญชามีฤทธิ์ต่อจิตประสาท หากได้รับเข้าไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานและไม่มีการควบคุมก็จะส่งผลเสียต่อร่างกาย และหากจะว่าไปแล้วเรื่องของกัญชาก็เหมือนประเด็นเรื่องของการพนันออนไลน์ในปัจจุบัน เพราะจะมองเป็นด้านมืดก็ได้ เป็นด้านสว่างก็ได้ ในต่างประเทศมองว่าถ้าหยิบจับทั้งสองสิ่งนี้มาใช้ประโยชน์ให้ถูกด้านก็จะส่งผลดีในด้านเศรษฐกิจและสังคมแทนที่จะเป็นผลลบ อย่างเว็บไซต์รับพนัน

ธุรกิจ “บุฟเฟต์” ไปได้ดีเพราะมีสิทธิ์เลือก

เรารู้จักอาหารบุฟเฟต์กันมาสักพักใหญ่ ซึ่งแพร่หลายไทยมาแล้วราว ๆ สิบกว่าปี หมูกระทะหัวละ 69 บาทเป็นจุดเริ่มต้นการทำความรู้จักอาหารบุฟเฟต์ของคนไทย ร้านหมูกระทะบุฟเฟต์ที่เริ่มแพร่หลายไปทั่วประเทศ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ทำให้คนไทยเริ่มคุ้นเคยกับการกินอาหารบุฟเฟต์ คนไทยชอบกินอาหารบุฟเฟต์จากความรู้สึกว่า ทุกคนไม่ว่าจะมีรายได้ระดับไหน เมื่ออยู่ในร้านบุฟเฟต์ก็จะมีสิทธิ์ในการเลือกเท่า ๆ กัน ความเหลื่อมล้ำในความรวยและจนเป็นปัญหาสังคมอย่างหนึ่งของของคนไทย การเข้าไปใช้บริการร้านอาหารที่ไม่รู้งบประมาณที่แน่นอน ทำให้คนไทยหลายคนรู้สึกกลัวการทานอาหารนอกบ้าน แต่บุฟเฟต์มีข้อกำหนดราคาที่ตายตัว ทำให้ผู้เข้าไปใช้บริการไม่ว่าจะมาจากที่ใด ไม่รู้สึกเขินอายเมื่อถึงเวลาชำระค่าอาหาร เพราะรู้ราคาล่วงหน้าและมีการวางแผนมาแล้ว ทานเท่าไรก็ได้ไม่จำกัด ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม การมีสิทธิ์ตัดสินใจในรายการอาหารของตน ก็เป็นเหตุผลหลัก ๆ ให้คนเลือกทานอาหารบุฟเฟต์มากกว่าอาหารที่เสิร์ฟในจานธรรมดา ถึงแม้ว่าอาหารบางอย่างมีราคาเท่ากัน แต่คนก็มักจะเลือกทานบุฟเฟต์มากกว่า หรืออาหารที่เหมือนกันแต่แบบธรรมดาราคาถูกกว่าบุฟเฟต์ หลายคนก็ยังเลือกทานบุฟเฟต์ การเข้าใจว่าตนเองมีอิสระในการเลือกทานอาหารอะไรก็ได้ในปริมาณเท่าไหร่ก็ได้นั้น เป็นสิ่งที่สนับสนุนในการตัดสินใจเลือกทานอาหารประเภทนี้ เมื่อตระหนักว่าการจ่ายเงินหนึ่งครั้งต่อทางเลือกอาหารหลาย ๆ อย่างนั้น คุ้มค่ากว่าจ่ายเงินหนึ่งครั้งต่ออาหารอย่างเดียว ผู้บริโภคจึงรู้สึกว่าตนมีสิทธิ์เลือกและไม่ถูกควบคุม จึงทำให้ทัศนคติต่ออาหารบุฟเฟต์มักอยู่ในทางบวกมาเสมอ ความจริงแล้วไม่ใช่ผู้บริโภคเป็นฝ่ายควบคุม แต่กลับกันเจ้าของกิจการบุฟเฟต์ต่างหากที่เป็นผู้ควบคุม โดยราคาต่อหัวสำหรับการทานบุฟเฟต์นั้นถูกกำหนดโดยเจ้าของร้าน ธุรกิจอยู่ได้ด้วยกำไรจากผลผลิต ดังนั้นกิจการร้านอาหารบุฟเฟต์ก็ไม่ได้ทำเพื่อการกุศล การคำนวณราคาวัตถุดิบและค่าอาหารต่อลูกค้าหนึ่งคน ถูกคำนวณมาอย่างรอบคอบว่าเท่าไหร่จึงจะไม่ขาดทุน ทั้งหมดจึงไม่ใช่ความใจดีของเจ้าของกิจการที่ให้ลูกค้าทานในปริมาณไม่จำกัด แต่สิ่งที่ทำให้ธุรกิจบุฟเฟต์อยู่ได้ก็คือ ความรู้สึกของลูกค้าที่ว่าตนมีสิทธิ์เลือกแน่ๆเมื่อตัดสินใจทานอาหารบุฟเฟต์

ลิงลพบุรี การปรับตัวเข้ากับคน หรือคนปรับเข้ากับลิง

หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย คงมีมากจนไม่อาจจะจะพูดจะบอกกันได้หมด ทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ โบราณสถาน เกษตรกรรม และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยในด้านวัฒนธรรม และหากเป็นเรื่องวัฒนธรรม อยากขอแนะนำให้ได้รู้จักกับเมืองลพบุรีของไทยให้มากขึ้นอีก จังหวัดลพบุรีเป็นจังหวัดที่โด่งดังทั้งด้านประวัติศาสตร์ความเป็นมา โบราณสถาน และเอกลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นลพบุรีที่เด่นชัดที่สุดคือ “ลิง” เนื่องจากลิงลพบุรีนั้นเป็นลิงที่อาศัยอยู่ร่วมกับคนมาช้านาน หรืออาจจะตั้งแต่ยังไม่มีการตั้งถิ่นฐานรกรากอยู่เลยก็เป็นได้ ชาวลพบุรีจึงมีความผูกพันกับลิงเหล่านี้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือ “ลิงก็สามารถอยู่ร่วมกับคนได้ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร มีระเบียบวินัยของตัวเอง เพราะพวกมันก็ตระหนักดีว่า พวกมันทำเพื่อให้สามารถอยู่รอด” ชาวลพบุรีได้ให้สัมภาษณ์ ในงานประจำปี หรือมีงานมงคลต่าง ๆ ที่ลพบุรีจัดขึ้น แน่นอนว่าลิงก็จะเข้ามาร่วมด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่เป็นปัญหาและไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับใคร นับเป็นเสน่ห์ที่หาได้ยากจากที่ไหน ๆ “พวกมันรู้ว่าจะข้ามถนนยังไง ต้องรอให้รถไปก่อน และต้องข้ามกันอย่างเป็นระเบียบ เพื่อป้องกันอันตราย ผู้ที่ผ่านไปมาก็จะหยุดรถให้ พวกมันแสนรู้มาก” ป้าร้านขายของชำกล่าว และเล่าต่อว่า “เราจะให้อาหารพวกมันเป็นประจำ จนพวกมันรู้ว่าเราไม่ทำอันตราย และเช่นเดียวกันพวกมันก็ไม่มายุ่งหรือทำลายข้าวของของพวกเราเช่นกัน ของในร้านที่วางเอาไว้พวกมันก็จะไม่ยุ่ง ตรงนี้เองทำให้เรารู้สึกว่า เราสามารถอยู่ร่วมกันได้ หากเราเข้าใจกัน” ป้ากล่าว ลพบุรีเรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีลิงมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เพราะประเทศไทยมีจังหวัดที่มีลิงอยู่หลายจังหวัด เช่น ราชบุรี