Category: ข่าวต่างประเทศ

ถ่ายรูปเซลฟี่ ทำเหตุโดนเสือจากัวร์กัด

การถ่ายรูปเซลฟี่คือการถ่ายภาพตัวเองเพิ่งถือกำเนิดมานานแล้วแต่เพิ่งมาฮิตอย่างมากเมื่อตอนที่มีโทรศัทพ์มือถือที่มาพร้อมกล้องหน้าถือกำเนิดขึ้น และการถ่ายรูปเซลฟี่นี่เองที่กลายมาเป็นเหมือนวัฒนธรรมใหม่ของคนทั่วโลกที่ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน จะเจอกับเหตุการณ์อะไร หรือกินข้าวกับอะไร ก็ต้องถ่ายภาพตัวเองเพื่อเผยแพร่ให้คนที่ติดตามตัวเองในโซเชียลต่าง ๆ ได้ชื่นชม และบ่อยครั้งที่ความพยายามที่ต้องการให้มีรูปภาพที่น่าประทับใจมากที่สุดให้ได้ไปอวดเพื่อน หลายคนได้รับบาดเจ็บ หลายคนได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตเหมือนในกรณีต่อไปนี้ ผู้หญิงคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บเพราะพยายามถ่ายรูปเซลฟี่กับเสือจากัวร์จนทำให้โดนตะบบที่สวนสัตว์แห่งหนึ่ง พยานในเหตุการณ์ต่างเล่าว่าพวกเขาได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลืออย่างดังเพราะโดนเสือจากัวร์ทำร้ายซึ่งผู้หญิงคนนั้นถูกทำร้ายหลังจากที่ปีนข้ามที่กั้นเข้าไปเพื่อถ่ายรูปเซลฟี่กับเสือจากัวร์เพศเมียเพื่อให้ได้ภาพที่ใกล้ชิดขณะที่เที่ยวอยู่ในสวนสัตว์แห่งหนึ่งในอริโซน่า โดยมีผู้บันทึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าวขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือเธอในเบื้องต้น มือของเธอมีบาดแผลขนาดใหญ่และเลือดไหลเป็นทาง พยานในเหตุการณ์ต่างออกความเห็นกันมากมายโดยหนึ่งในนั้นแสดงความคิดเห็นว่า เสือจากัวร์ตัวนั้นก็แค่สัตว์ป่าตัวหนึ่งเท่านั้น และเจ้าหน้าที่ก็ได้กั้นบริเวณนั้นไว้เป็นอย่างดี แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะปีนข้ามเข้าไปเองแต่ก็ภาวนาให้เธอปลอดภัย ในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังสอบสวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดหลังจากที่ได้รับแจ้งว่าผู้ได้รับบาดเจ็บปีนข้ามที่กั้นที่ทางสวนสัตว์กั้นไว้เพื่อเข้าไปถ่ายรูปกับสัตว์เอง และยังกล่าวอีกว่าพวกเขาเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวของพวกเขา ทางครอบครัวของเธอร้องขอให้มีหน่วยกู้ชีพเข้ามาทำการพยาบาลและเสือจากัวร์ตัวนั้นก็ได้อยู่ในที่ของมันแล้วโดยที่พวกเราจะต้องสืบสวนและทำการตรวจสอบต่อไป ผู้อำนวยการสวนสัตว์กล่าวเพิ่มเติมว่า นี่เป็นครั้งที่สองแล้วในเดือนนี้ที่เสือจากัวร์ทำร้ายนักท่องเที่ยวของสวนสัตว์และเขาก็เครียดกลัวว่าต้องจบชีวิตของเสือจากัวร์ลงและต่อมาได้โพสข้อความบนโซเชียลมีเดียว่า เขาสัญญาว่าจะไม่ให้อะไรเกิดขึ้นกับสัตว์ตัวนั้น ทั้งนี้องค์กรที่เกี่ยวข้องก็ออกมาเรียกร้องให้เพิ่มมาตรการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีกเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเองและความปลอดภัยของสัตว์ป่าทั้งหลายด้วย จริงอยู่สัญชาตญาณของมนุษย์คือการแข่งขันกัน ซึ่งในเรื่องของการถ่ายรูปเซลฟี่ หรืออัดวิดีโอต่าง ๆ ลงบนอินเตอร์เน็ตเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มของตัวเองเป็นเรื่องปกติ แต่การที่จะได้มาเพื่อรูปภาพหรือวิดีโอเหล่านั้นทุกคนควรคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง ผู้ร่วมเหตุการณ์เป็นสำคัญ หากทำอะไรโดยที่ไม่ได้ไตร่ตรองถึงผลที่ตามมาอาจจะไม่ได้โชคดีที่รอดมาได้เหมือนผู้หญิงคนนี้

เด็กทารกเสียชีวิต เหตุเพราะตุ๊กตาหมี

ท่ามกลางความโศกเศร้าของทุกคนในครอบครัวเพราะการจากไปอย่างไม่มีวันย้อนกลับโคนี่ โรส ครอบครัวของเธอได้ส่งคำร้องขอหลังจากที่ลูกสาวของพวกเขาเสียชีวิตเพราะตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ในการรำลึกหนึ่งปีหลังจากที่เด็กน้อยเสียชีวิต เสียชีวิตเมื่ออายุ 18 เดือนหลังจากที่หายใจไม่ออกเพราะถูกตุ๊กตาทับในที่นอนของเธอเอง แม่ของหนูน้อยโคนี่ โรส อายุ 24 ปี นำตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ใส่เข้าไปในเตียงนอนของเธอโดยยัดไว้ข้าง ๆ เตียงในบ้านของเธอที่ ดันดี สหราชอาณาจักรเพื่อป้องกันให้เด็กน้อยตกลงมาจากเตียง ซึ่งค้นพบว่าลูกสาวของตัวเองได้เสียชีวิตลงในเช้าวันต่อมา ในช่วงเวลานั้นแม่ของโคนี่ ได้เขียนข้อความเตือนพ่อแม่คนอื่น ๆ ในโซเชียลมีเดียว่า โปรดนำทุกอย่างออกจากเตียงนอนของลูกคุณ และเอาออกจากข้าง ๆ เตียงด้วย ฉันเองก็ได้แต่โทษตัวเองเรื่องการจากไปของเธอเพราะชั้นเองคือคนที่เอาตุ๊กตาไปยัดไว้ข้าง ๆ เตียงของลูกเพื่อป้องกันไม่ให้เธอตกลงมาและป้องกันไม่ให้เธอตกลงไปอีกด้านของเตียง ปรากฏว่าในภายหลังลูกของฉันดิ้นไปอยู่ได้ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ หลับไปในท่านั้นแล้วทำให้ขาดอากาศหายใจตาย พอมองย้อนกลับไป ถ้าฉันไม่ได้เอาตุ๊กตาไปยัดไว้รอบเตียงของลูกขนาดนั้น อย่างมากที่สุดลูกก็ตกลงมาแล้วมีรอยซกช้ำนิดหน่อย และตอนนี้เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นแค่ความคิดที่ฉันอยากย้อนกลับไปแก้ไขอดีต ซึ่งตอนนี้คนในครอบครัวได้ออกมาเน้นย้ำเรื่องนี้อีกครั้งในการรำลึก 1 ปีหลังจากที่โคนี่ เสียชีวิต พวกเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้พ่อแม่คนอื่นตระหนักถึงความอันตรายของการนำเอาตุ๊กตาหรือของเล่นมาไว้ข้าง ๆ เตียงนอนลูกเพื่อให้ลูก ๆ นอนหลับได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยคนในครอบครัวเปิดเผยว่า วันนี้คนในครอบครัวมารวมตัวกันเพื่อรำลึกถึงโคนี่ โรส และอยากใช้โอกาสนี้ในการเน้นย้ำถึงแคมเปญที่เราได้ทำอย่างตอนนี้ เพราะถ้านี่ได้ช่วยชีวิตของเด็กคนอื่น การตายขอโคนี่ โรสจะไม่ถือว่าเสียเปล่า

เจ้าตูบถูกพบว่าเฝ้ารอเจ้าของ 1 เดือนหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่แคลิฟอร์เนีย

น้องหมามีประวัติศาสตร์การอยู่ร่วมกับคนมาอย่างยาวนานตั้งแต่ประมาณ 12,000 ปีที่แล้ว ในหลาย ๆ หน่วยงานเลี้ยงสุนัขไว้เพื่อใช้ทำงาน เช่น สุนัขที่ใช้ในการนำทาง สุนัขที่ใช้บำบัดคนไข้ สุนัขตรวจระเบิดและสิ่งแปลกปลอมในสนามบิน เราเลี้ยงหมาด้วยหลายเหตุผล บางคนเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน บางคนเลี้ยงให้เป็นสมาชิกในครอบครัว ในหลายประเทศเมื่อมีลูกก็ให้สุนัขเป็นของขวัญแก่ลูก เพื่อขัดเกลาให้ลูกมีจิตใจที่อ่อนโยน เมตตาและฝึกความรับผิดชอบในเด็ก โดยน้องหมาเองก็มีลักษณะนิสัยที่เป็นที่ถูกอกถูกใจใครหลาย ๆ คน ทั้งประจบ จริงใจ รักเจ้าของ กล้าหาญและซื่อสัตย์ ซึ่งสามารถเติมเต็มความสุขในบ้านได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย โดยเฉพาะความซื่อสัตย์ของน้องหมาซึ่งมีหลายตัวที่โด่งดังในเรื่องนี้ไปทั่วโลก เช่น เจ้าฮาจิโกะที่ไปรอเจ้านายที่เสียชีวิตอย่างกะทันหันที่สถานีรถไฟเป็นเวลาถึง 10 ปี จนชาวญี่ปุ่นได้สร้างลานรูปปั้นให้ ทั้งเรื่องราวนี้ยังถูกนำไปทำเป็นภาพยนต์หลายต่อหลายครั้ง เรื่องราวน่าประทับใจ เรื่องราวของเจ้าตูบเมดิสันถูกเผยแพร่ในสังคมโซเชียลมีเดีย โดยมีใจความว่าเจ้านายของเมดิสันไม่สามารถกลับไปที่บ้านได้เมื่อตอนที่ไฟป่ายังลุกลามอยู่ และได้แต่หวังว่าเจ้าเมดิสันจะยังอยู่สบายดี ซึ่งเมื่อไฟป่ามอดดับหมดแล้ว ครอบครัวที่เป็นเจ้าของหมาตัวนี้ได้กลับไปที่ที่เคยเป็นบ้านอีกครั้ง และพวกเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้พบกับหมาที่พวกเขาเลี้ยงไว้นอนรออยู่ที่นั่น เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตที่ช่วยในส่วนของการดูแลสัตว์พลัดหลงจากเหตุการณ์ไฟไหม้เปิดเผยว่า เธอเห็นหมาตัวนี้สองสามครั้งขณะที่ทำงานอยู่พร้อมเปิดเผยว่าเธอดีใจมากที่ได้ไปแจ้งแอนเดรีย (เจ้านายของเมดิสัน) ว่าเธอสามารถกลับบ้านได้แล้วและที่ที่เคยเป็นบ้านของเธอมีเจ้าตูบรอคอยอยู่ไม่จากไปไหน แอนเดรียโพสเผยแพร่ข้อความของเธอผ่านโซเชียลมีเดียพร้อมทั้งน้ำตา ว่าเธอดีใจเป็นอย่างมากที่เมดิสันรอเธอเป็นเดือนและไม่ยอมแพ้ ในเรื่องร้ายก็ยังพอมีเรื่องดี ๆ อยู่บ้าง แม้ว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายอย่างมาก โดยเบื้องต้นมีรายงานว่าไฟไหม้กินพื้นที่กว่า 2

อเมริกาอ่วม มหันตภัยจากคลื่นความร้อนทำคน สัตว์ สิ่งของเดือดร้อนกันถ้วนหน้า

                เมื่อพูดถึงฤดูร้อนหลายคนอาจรู้สึกไม่ชอบอากาศอบอ้าวทำให้เหงื่อออกเหนียวเหนอะหนะไม่สบายตัว และเป็นที่น่ารำคาญใจอย่างยิ่ง แต่สำหรับในประเทศที่ต้องเผชิญกับอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีทำให้ฤดูร้อนกลายเป็นเวลาแห่งความสุขที่ทุกคนจะได้ออกจากบ้านมารับแสงแดดอุ่น ๆ ให้ผิวได้รับวิตามินดีบ้าง แต่ถึงอย่างไรฤดูร้อนก็ไม่ได้เป็นฤดูแห่งความสุขเสมอไป เนื่องจากในบางช่วงที่ร้อนมาก ๆ ประชาชนไม่สามารถออกจากบ้านได้เลย เพราะความร้อนในอากาศที่พุ่งสูงขึ้นอาจทำให้เกิดอาการไม่สบายแบบเฉียบพลันได้ โดยเฉพาะฤดูร้อนในประเทศอเมริกาซึ่งพื้นที่ที่อยู่ไม่ไกลจากทะเลทรายมักจะได้รับผลกระทบจากลมร้อนส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2017 สำนักข่าวต่างประเทศในเมืองลอสแองเจลลิสได้รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 คน ที่เมืองซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดย 2 ใน 4 ของผู้เสียชีวิตเป็นหญิงสูงอายุวัย 72 และ 87 ปี จากอุณหภูมิที่พุ่งสูงถึง 46 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตามสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาได้ออกมาเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อให้ร่างกายมีอุณหภูมิลดลง อีกหนึ่งเหตุการณ์เหลือเชื่อเกิดขึ้นในรัฐอริโซน่าทางตะวันตก และทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา อุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นราว ๆ 42 – 49

Trump

ทรัมป์ สั่งเพิ่มภาษีสินค้าจากจีน 25%

ท่ามกลางกระแสข่าวกีฬา และข่าวการเมืองที่กำลังร้อนระอุในช่วงเวลานี้ สงครามการค้าระหว่างประเทศก็สร้างความตึงเครียดให้กับตลาดโลกเป็นอย่างมาก หลังจากที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้สั่งการให้ผู้แทนการค้าสหรัฐ หรือ ยูเอสทีอาร์ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ให้ทำการพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีน ขึ้นสู่ระดับ 25 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดรวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 2 แสนล้านดอลลาร์ สำหรับแผนการเรียนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตรา 25 เปอร์เซ็นต์ นั้นถือว่าสูงกว่าแผนที่ทางสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2018 ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนในอัตรา 10 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่ทั้งสองประเทศไม่สามารถเจราจาเพื่อที่จะหาข้อตกลงในการยุติข้อพิพาททางการค้า โดยมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 25 เปอร์เซ็นต์ จะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่เดือนกันยายน 2018 เป็นต้นไป สำหรับสินค้าที่ประเทศจีนจะถูกเก็บภาษีรอบใหม่ มีหลากหลายกว่าพันชนิด ไม่ว่าจะเป็น เคมี, เฟอร์นิเจอร์, อาหาร, อลูมีเนียม, จักรยาน, ถุงมือ, ยางรถยนต์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ด้านความงาม ที่ทุกอย่างล้วนเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสหรัฐ

“Korean Air” ความรุนแรงที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น

เรียกได้ว่าปล่อยความอื้อฉาวออกมาให้เห็นเป็นระลอก กับความเจ้าอารมณ์ของเหล่านายหญิงแห่ง Korean Air ย้อนไปเมื่อปลายปี 2557 นางสาวโช ฮยุน อาห์ บุตรสาวของนายโช ยัง โฮ ประธานบริษัท Korean Air ได้ขับไล่พนักงานต้อนรับลงจากเครื่องบินเที่ยวบินนิวยอร์ค-กรุงโซล เพราะไม่พอใจที่พนักงานนำถั่วมาเสิร์ฟให้เธอทั้ง ๆ ที่ไม่ได้สั่ง และยังเสิร์ฟเป็นห่อโดยไม่ได้เทใส่ถ้วยตามระเบียบของสายการบิน นางสาวโช ฮยุน อาห์ ได้สั่งการให้หัวหน้าพนักงานลงจากเครื่องบิน เนื่องจากไม่สามารถควบคุมให้ลูกเรือปฏิบัติตามได้ ทำให้เที่ยวบินนั้นต้องล่าช้ากว่ากำหนดถึง 20 นาที เมื่อเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไป เป็นผลให้เธอถูกวิจารณ์อย่างหนักจากประชาชนเกาหลีใต้และชาวโซเชียลทั่วโลก ต่อมาในเดือนเมษายนปี 2561 นางสาวโช ฮยุน มิน ผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสของ Korean Air ซึ่งเป็นน้องสาวของโช ฮยุน อาห์ ได้ถูกสั่งพักงานเนื่องจากเธอได้ขว้างแก้วน้ำใส่เข้าที่ใบหน้าของผู้จัดการฝ่ายโฆษณาในระหว่างการประชุม ส่งผลให้สหภาพแรงงานของสายการบินเรียกร้องให้เธอลาออก และยิ่งไปกว่านั้นกระแสสังคมพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงพฤติกรรมก้าวร้าวและไม่เหมาะสมของเธอ ล่าสุดนางมยอง ฮี ภรรยาของนายโช ยัง โฮ ได้ถูกตำรวจเกาหลีใต้เชิญตัวไปสอบปากคำหลังจากมีคลิปวีดีโอถูกเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ของเกาหลีใต้ซึ่งถูกแอบถ่ายไว้ตั้งแต่ปี

“โลกร้อน” เป็นปัญหาของมวลมนุษยชาติ ชิคาโก ร้อนแท้ ไม่แพ้ไทย

ประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่อากาศร้อนมากที่สุดในฤดูร้อน โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ที่มีค่าความร้อนและอัตราการปล่อยสารพิษสู่ชั้นบรรยากาศเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก สาเหตุหลักที่กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองมลพิษก็มาจากความร้อนที่ดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี ยิ่งร้อนมากผู้คนก็ยิ่งใช้เครื่องปรับอากาศมาก รวมไปถึงความหนาแน่นของการจราจรและผู้ใช้รถใช้ถนน การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์สู่ชั้นบรรยากาศ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อากาศร้อนขึ้น ไม่ใช่กรุงเทพฯ เท่านั้นที่ต้องเผชิญกับอากาศร้อนขึ้นทุกปี แต่หลาย ๆ ประเทศก็ได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นเช่นกัน รายงานล่าสุดจากเว็บไซต์ชิคาโก ซัน ไทมส์ ระบุว่าฤดูร้อนปีนี้เป็นปีที่อุณหภูมิสูงที่สุดในรอบ 5 ปีของเมืองชิคาโก โดยอุณหภูมิในบ่ายวันเสาร์ช่วยปลายเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมาได้พุ่งสูงถึง 32 องศาเซลเซียส ทำให้ชาวเมืองชิคาโกนั้นหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านในวันหยุดสุดสัปดาห์ นอกจากนี้กรมอุตุนิยมวิทยาของเมืองชิคาโกยังระบุอีกว่า อุณหภูมิมีโอกาสสูงขึ้นถึง 34 องศาเซลเซียสในอีก 2 วันข้างหน้า “ร้อนจนคนต้องตาย” อากาศร้อนสามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายหลายอย่าง โดยเฉพาะอาการเจ็บป่วยอย่างเฉียบพลัน มีสาเหตุมาจากอุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น นั่นคือโรคลมแดด (Heat Stroke) มีอันตรายอย่างมาก อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากการทำงานผิดปกติของสมอง ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ปวดศีรษะ ความดันโลหิตต่ำ

กลั่นแกล้ง เก็บกด จนกราดยิง

เมื่อกล่าวถึงสังคมโรงเรียนมัธยมปลายในต่างประเทศ หลายคนมักจะคิดถึงความรุนแรงของเด็กวัยรุ่น โดยเฉพาะโรงเรียนมัธยมปลายในประเทศสหรัฐอเมริกา หลายครั้งที่เราเห็นภาพสะท้อนผ่านภาพยนตร์ เพื่อแสดงให้เห็นความรุนแรงในโรงเรียนมัธยมของอเมริกา ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์เท่านั้น แต่ในชีวิตจริงก็มักจะเห็นข่าวการใช้ความรุนแรงของนักเรียน หรือการฆ่าตัวตายของนักเรียน หรือแม้กระทั่งข่าวการพกอาวุธปืนเข้าไปในโรงเรียน เพื่อสังหารครูและเพื่อนร่วมโรงเรียน ประเด็นหลัก ๆ ที่สร้างความแตกแยกของนักเรียนในโรงเรียนเดียวกัน คือความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติและศาสนา เป็นที่รู้กันดีว่าอเมริกาเป็นประเทศที่มีผู้คนจากหลากหลายชาติพันธุ์ มาอาศัยอยู่รวมกัน ดังนั้นจึงมีการแบ่งแยกพรรคพวก ทำให้เกิดการเหยียดหยามกันระหว่างเชื้อชาติ เมื่อความเชื่อและความศรัทธาต่างกัน ประเด็นต่อมาคือศาสนา ซึ่งเป็นความศรัทธาส่วนบุคคล และทุกคนก็มักจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงศาสนา พราะเป็นเรื่องเปราะบาง แต่ผู้ใหญ่บางคนมีความคิดเถรตรงและรุนแรง ทำให้ความรุนแรงทางศาสนาในระดับภูมิภาคเกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง นับประสาอะไรกับวัยรุ่น ผู้มีระดับฮอร์โมนกำลังเจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอไม่คงที่ ทำให้การพูดและการกระทำที่ไม่ยั้งคิดส่งผลให้เกิดความรุนแรง “แก้แค้น เอาคืน” คือเหตุจูงใจ นอกจากนี้ความต้องการเป็นผู้มีชื่อเสียงในโรงเรียน ก็เป็นประเด็นหลัก ๆ อีกหนึ่งประเด็นที่ควรจะพูดถึง ข้อดีของการเป็นนักเรียนที่โดดเด่น คือการเป็นตำนานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านกีฬา ด้านกิจกรรม ด้านวิชาการ แม้กระทั่งด้านไม่ดี เมื่อการเป็นตำนานที่มีชื่อเสียง คือสิ่งล่อใจให้หลายคนแก่งแย่งที่จะเป็นที่หนึ่ง และแน่นอนว่าเมื่อมีผู้เป็นที่หนึ่งก็จะมีผู้เป็นที่สอง และที่สุดท้ายตามลำดับ สิ่งที่น่าเศร้าคือ ในสังคมของโรงเรียนที่มีการแสดงออกรุนแรงต่อความเชื่อ มักไม่มีที่ยืนให้ผู้เป็นที่สองหรือผู้แพ้ ฉะนั้นการถูกเหยียบย่ำซ้ำเติมจากเพื่อนนักเรียนด้วยกัน

วันชาติอินเดียยิ่งใหญ่สมเกียรติ ผู้นำอาเซียนแห่ร่วมยินดี

หนังสือพิมพ์หน้าข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา อินเดียจัดขบวนพาเหรดสุดยิ่งใหญ่อลังการ กลางกรุงนิวเดลี โดยมีผู้นำจากประเทศสมาชิกอาเซียน (ASEAN) ทั้ง 10 ประเทศเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ด้วย เป็นที่ทราบกันดีว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของโลก และมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากจีนเท่านั้น ทำใหญ่อินเดียกลายเป็นประเทศที่น่าจับตามองในทุก ๆ ด้าน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง พูดถึงการเมืองการปกครองของอินเดีย อินเดียเริ่มมีการใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรกเมื่อปี พ.ศ. 2493 นับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าครบรอบการมีรัฐธรรมนูญใช้ 25 ปี อย่างพอดิบพอดี เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านไปแล้วนั้น ด้วยเหตุนี้เองประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งมีความสัมพันธ์กับอินเดียมาอย่างยาวนานในหลาย ๆ ด้าน จึงต้องมาร่วมชมขบวนพาเหรดของอินเดียในครั้งนี้ ด้วยเหตุผลง่าย ๆ คือ กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นมากขึ้น เพราะแน่นอนว่าถ้าหากเป็นพันธมิตรกับอินเดียได้อย่างดีก็จะเป็นประโยชน์กับประเทศของตนเอง ด้วยเหตุนี้ผู้นำประเทศอาเซียน (ASEAN) ทั้ง 10

สุดสลดเหตุไฟไหม้โรงพยาบาล เพราะไม่มีกฎหมายบังคับเรื่องสปริงเกอร์ดับเพลิง

เป็นที่เศร้าสลดกับเหตุที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้ ในเหตุการณ์ไฟไหม้โรงพยาบาลครั้งที่โลกต้องจารึก มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทั้งหมอพยาบาล รวมทั้งคนไข้ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เหตุการณ์ดังกล่าวยังได้สะท้อนให้เห็นถึงมาตรการบางอย่างที่เกาหลีใต้ยังคงต้องปรับปรุง หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวใหญ่หน้า 1 เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า ต้นเหตุของเพลิงไหม้นั้นมาจากห้องฉุกเฉิน และคาดว่าแอร์ที่ติดตั้งอยู่ในห้องฉุกเฉินเกิดไฟฟ้าลัดวงจรจนนำสู่เหตุการณ์ดังกล่าว หัวหน้านักดับเพลิงก็ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเช่นกันว่า ตอนที่ตัวเองมาถึง เพลิงก็ลุกไหม้ขนานใหญ่ ตนและลูกน้องจึงไม่สามารถบุกเข้าไปช่วยผู้ที่ติดอยู่ข้างในได้ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้ปิดประตูทางเข้าออกจนหมด อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตถึง 37 ศพ และบาดเจ็บอีกว่า 100 คน ผู้บาดเจ็บทั้งหมดมีแต่หมอ พยาบาล และคนไข้ที่มารักษาตัว คนไข้รายหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ตนเองได้ยินเสียงคนตะโตนว่าไฟไหม้ พร้อมกับเสียงกรีดร้องโหวกเหวกโวยวาย เกิดความโกลาหลไปทั่ว ตนจึงตัดสินใจเดินลงข้างล่าง เพราะตนนอนรักษาตัวอยู่ตรงชั้นสองของโรงพยาบาล เพื่อหวังให้ได้รับความปลอดภัย แต่เมื่อตนเดินลงมากลับไม่สามารถออกไปได้เนื่องจากเพลิงลุกไหม้ปิดทางออกจนหมด ตนเลยตัดสินใจเดินขึ้นที่สูงเพื่อหนีไฟแทน อย่างไรก็ตามตนก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพราะหน่วยดับเพลิงมาช่วยเอาไว้ทัน นายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ออกมาเปิดเผยกับสื่อว่า ตนเองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่เกิดเหตุเช่นนี้เพราะทางโรงพยาบาลไม่มีสปริงเกอร์น้ำดับเพลิงอัตโนมัติ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาทางเกาหลีใต้ไม่ได้มีกฎหมายบังคับว่า ให้โรงพยาบาลทุกแห่งต้องมีสปริงเกอร์ดับไฟอัตโนมัติ แต่อีกสองสามสัปดาห์ข้างหน้าก็จะทำการติดตั้งแล้วเช่นกัน เพราะเพิ่งมีกฎหมายใหม่ให้ติดตั้งสปริงเกอร์ในโรงพยาบาลออกมา และจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ แต่มาเกิดเหตุเสียก่อน จากนี้ไปเจ้าหน้าที่สืบสวนก็จะสืบหาต้นเหตุของเพลิงต่อไปว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ จากเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเหตุเพลิงไหม้ที่มีความรุนแรง 1 ใน