Tag: ไฟไหม้

เจ้าตูบถูกพบว่าเฝ้ารอเจ้าของ 1 เดือนหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่แคลิฟอร์เนีย

น้องหมามีประวัติศาสตร์การอยู่ร่วมกับคนมาอย่างยาวนานตั้งแต่ประมาณ 12,000 ปีที่แล้ว ในหลาย ๆ หน่วยงานเลี้ยงสุนัขไว้เพื่อใช้ทำงาน เช่น สุนัขที่ใช้ในการนำทาง สุนัขที่ใช้บำบัดคนไข้ สุนัขตรวจระเบิดและสิ่งแปลกปลอมในสนามบิน เราเลี้ยงหมาด้วยหลายเหตุผล บางคนเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน บางคนเลี้ยงให้เป็นสมาชิกในครอบครัว ในหลายประเทศเมื่อมีลูกก็ให้สุนัขเป็นของขวัญแก่ลูก เพื่อขัดเกลาให้ลูกมีจิตใจที่อ่อนโยน เมตตาและฝึกความรับผิดชอบในเด็ก โดยน้องหมาเองก็มีลักษณะนิสัยที่เป็นที่ถูกอกถูกใจใครหลาย ๆ คน ทั้งประจบ จริงใจ รักเจ้าของ กล้าหาญและซื่อสัตย์ ซึ่งสามารถเติมเต็มความสุขในบ้านได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย โดยเฉพาะความซื่อสัตย์ของน้องหมาซึ่งมีหลายตัวที่โด่งดังในเรื่องนี้ไปทั่วโลก เช่น เจ้าฮาจิโกะที่ไปรอเจ้านายที่เสียชีวิตอย่างกะทันหันที่สถานีรถไฟเป็นเวลาถึง 10 ปี จนชาวญี่ปุ่นได้สร้างลานรูปปั้นให้ ทั้งเรื่องราวนี้ยังถูกนำไปทำเป็นภาพยนต์หลายต่อหลายครั้ง เรื่องราวน่าประทับใจ เรื่องราวของเจ้าตูบเมดิสันถูกเผยแพร่ในสังคมโซเชียลมีเดีย โดยมีใจความว่าเจ้านายของเมดิสันไม่สามารถกลับไปที่บ้านได้เมื่อตอนที่ไฟป่ายังลุกลามอยู่ และได้แต่หวังว่าเจ้าเมดิสันจะยังอยู่สบายดี ซึ่งเมื่อไฟป่ามอดดับหมดแล้ว ครอบครัวที่เป็นเจ้าของหมาตัวนี้ได้กลับไปที่ที่เคยเป็นบ้านอีกครั้ง และพวกเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้พบกับหมาที่พวกเขาเลี้ยงไว้นอนรออยู่ที่นั่น เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตที่ช่วยในส่วนของการดูแลสัตว์พลัดหลงจากเหตุการณ์ไฟไหม้เปิดเผยว่า เธอเห็นหมาตัวนี้สองสามครั้งขณะที่ทำงานอยู่พร้อมเปิดเผยว่าเธอดีใจมากที่ได้ไปแจ้งแอนเดรีย (เจ้านายของเมดิสัน) ว่าเธอสามารถกลับบ้านได้แล้วและที่ที่เคยเป็นบ้านของเธอมีเจ้าตูบรอคอยอยู่ไม่จากไปไหน แอนเดรียโพสเผยแพร่ข้อความของเธอผ่านโซเชียลมีเดียพร้อมทั้งน้ำตา ว่าเธอดีใจเป็นอย่างมากที่เมดิสันรอเธอเป็นเดือนและไม่ยอมแพ้ ในเรื่องร้ายก็ยังพอมีเรื่องดี ๆ อยู่บ้าง แม้ว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายอย่างมาก โดยเบื้องต้นมีรายงานว่าไฟไหม้กินพื้นที่กว่า 2

สุดสลดเหตุไฟไหม้โรงพยาบาล เพราะไม่มีกฎหมายบังคับเรื่องสปริงเกอร์ดับเพลิง

เป็นที่เศร้าสลดกับเหตุที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้ ในเหตุการณ์ไฟไหม้โรงพยาบาลครั้งที่โลกต้องจารึก มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทั้งหมอพยาบาล รวมทั้งคนไข้ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เหตุการณ์ดังกล่าวยังได้สะท้อนให้เห็นถึงมาตรการบางอย่างที่เกาหลีใต้ยังคงต้องปรับปรุง หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวใหญ่หน้า 1 เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า ต้นเหตุของเพลิงไหม้นั้นมาจากห้องฉุกเฉิน และคาดว่าแอร์ที่ติดตั้งอยู่ในห้องฉุกเฉินเกิดไฟฟ้าลัดวงจรจนนำสู่เหตุการณ์ดังกล่าว หัวหน้านักดับเพลิงก็ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเช่นกันว่า ตอนที่ตัวเองมาถึง เพลิงก็ลุกไหม้ขนานใหญ่ ตนและลูกน้องจึงไม่สามารถบุกเข้าไปช่วยผู้ที่ติดอยู่ข้างในได้ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้ปิดประตูทางเข้าออกจนหมด อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตถึง 37 ศพ และบาดเจ็บอีกว่า 100 คน ผู้บาดเจ็บทั้งหมดมีแต่หมอ พยาบาล และคนไข้ที่มารักษาตัว คนไข้รายหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ตนเองได้ยินเสียงคนตะโตนว่าไฟไหม้ พร้อมกับเสียงกรีดร้องโหวกเหวกโวยวาย เกิดความโกลาหลไปทั่ว ตนจึงตัดสินใจเดินลงข้างล่าง เพราะตนนอนรักษาตัวอยู่ตรงชั้นสองของโรงพยาบาล เพื่อหวังให้ได้รับความปลอดภัย แต่เมื่อตนเดินลงมากลับไม่สามารถออกไปได้เนื่องจากเพลิงลุกไหม้ปิดทางออกจนหมด ตนเลยตัดสินใจเดินขึ้นที่สูงเพื่อหนีไฟแทน อย่างไรก็ตามตนก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพราะหน่วยดับเพลิงมาช่วยเอาไว้ทัน นายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ออกมาเปิดเผยกับสื่อว่า ตนเองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่เกิดเหตุเช่นนี้เพราะทางโรงพยาบาลไม่มีสปริงเกอร์น้ำดับเพลิงอัตโนมัติ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาทางเกาหลีใต้ไม่ได้มีกฎหมายบังคับว่า ให้โรงพยาบาลทุกแห่งต้องมีสปริงเกอร์ดับไฟอัตโนมัติ แต่อีกสองสามสัปดาห์ข้างหน้าก็จะทำการติดตั้งแล้วเช่นกัน เพราะเพิ่งมีกฎหมายใหม่ให้ติดตั้งสปริงเกอร์ในโรงพยาบาลออกมา และจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ แต่มาเกิดเหตุเสียก่อน จากนี้ไปเจ้าหน้าที่สืบสวนก็จะสืบหาต้นเหตุของเพลิงต่อไปว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ จากเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเหตุเพลิงไหม้ที่มีความรุนแรง 1 ใน