ทรัมป์ สั่งเพิ่มภาษีสินค้าจากจีน 25%

Trump

ท่ามกลางกระแสข่าวกีฬา และข่าวการเมืองที่กำลังร้อนระอุในช่วงเวลานี้ สงครามการค้าระหว่างประเทศก็สร้างความตึงเครียดให้กับตลาดโลกเป็นอย่างมาก หลังจากที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้สั่งการให้ผู้แทนการค้าสหรัฐ หรือ ยูเอสทีอาร์ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ให้ทำการพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีน ขึ้นสู่ระดับ 25 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดรวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 2 แสนล้านดอลลาร์

สำหรับแผนการเรียนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตรา 25 เปอร์เซ็นต์ นั้นถือว่าสูงกว่าแผนที่ทางสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2018 ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนในอัตรา 10 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่ทั้งสองประเทศไม่สามารถเจราจาเพื่อที่จะหาข้อตกลงในการยุติข้อพิพาททางการค้า โดยมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 25 เปอร์เซ็นต์ จะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่เดือนกันยายน 2018 เป็นต้นไป

สำหรับสินค้าที่ประเทศจีนจะถูกเก็บภาษีรอบใหม่ มีหลากหลายกว่าพันชนิด ไม่ว่าจะเป็น เคมี, เฟอร์นิเจอร์, อาหาร, อลูมีเนียม, จักรยาน, ถุงมือ, ยางรถยนต์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ด้านความงาม ที่ทุกอย่างล้วนเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสหรัฐ ส่งผลให้หลายฝ่ายกังวลว่า การขึ้นภาษีสินค้านำเข้ารอบนี้จะส่งผลกระทบไปยังผู้บริโภค ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่จากประเทศจีนในล็อตก่อนหน้านี้ เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในโรงงานรวมถึงวัตถุดิบต่างๆ รวมแล้ว 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งตอนนี้เหลือ 16,000 ล้านดอลลาร์ที่จะผลบังคับการใช้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และมีผลบังคับใช้ไปแล้วทั้งหมด 34,000 ล้านดอลลาร์

โดยได้มีรายงานว่าทาง นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน และ นายสตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้มีการพยายามที่จะเจรจาเพื่อที่จะผ่อนความตึงเครียดของทั้งสองประเทศ ส่วนทางด้านกระทรวงการค้าต่างประเทศของทางจีน ได้มีการแถลงย้ำชัดเจนว่า ประเทศจีนพร้อมที่จะตอบโต้มาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา พร้อมเผยว่าการที่ สหรัฐอเมริกา คิดจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนนั้น นอกจากจะเป็นการต่อต้านกระแสโลกาภิวัตน์ ยังเป็นการทำร้ายผู้บริโภครวมถึงภาคธุรกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาเองอีกด้วย