หวังพึ่งให้รักษา แต่กลับมาทำร้ายกันมากขึ้นกว่าเดิม

ปัจจุบันนี้มีผู้ป่วยทางจิตเวชเพิ่มมากขึ้น โดยมากกว่า 2,600,000 คนในปีที่ผ่านมา การป่วยด้วยโรคจิตเวชเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ทั้งสารสื่อประสาทในสมอง สภาพแวดล้อม การเลี้ยงดู ความผิดปกติของสมอง รวมทั้งการติดต่อผ่านทางพันธุกรรมซึ่งหน่วยงานและสื่อต่าง ๆ ได้ออกมาให้ความรู้ เผยแพร่ความรู้สู่ชุมชน วิธีอยู่ร่วมกับโรคและวิธีอยู่ร่วมกับผู้ป่วยไว้อย่างมากมาย ทั้งในรูปแบบของบทความในนิตยาสาร บทความผ่านทางสื่อออนไลน์ การลงพื้นที่ให้ความรู้ของบุคคลากร ในอดีตการป่วยเป็นโรคทางจิตเวชเชื่อกันว่าเพราะมีวิญญาณร้ายเข้ามาสิง หรือทำผิดประเพณีร้ายแรงของสังคมจึงได้รับการลงโทษ โรงพยาบาลที่รับคนไข้ป่วยจิตเวชเข้ารักษา หรือรักษาโรคเหล่านี้โดยตรง ได้รับขนานนามว่าเป็นโรงพยาบาลบ้า ความเชื่อในรูปแบบนี้ทำให้ผู้ป่วยหลายคนไม่อยากยอมรับว่าตัวเองมีอาการป่วย ไม่ยอมเข้ารับการรักษา และถ้าหากเข้ารับการรักษาก็เท่ากับว่ายอมรับว่าตัวเองป่วยด้วยโรคเหล่านั้น พยายามหยุดยาเอง หรือเมื่อรักษาออกมาแล้วก็อยู่ร่วมกับคนในสังคมได้ยาก สังคมไม่ยอมรับ ล้อเลียน หรือตีตัวออกห่าง สิ่งนี้ทำให้คนไข้หลาย ๆ คนพยายามหาวิธีรักษาโรคที่ตัวเองเป็นด้วยวิธีอื่น โดยที่ไม่ต้องเดินไปที่โรงพยาบาล

ถ่ายทอดพลังงานสะอาดด้วยวิธีสกปรก

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้เสียหายหญิง 12 รายซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนบราซิลกล่าวหานาย นายโจอาว เตเซียรา เดอ ฟาเรียอายุ 76 ปี ที่อ้างว่าตัวเองมีพลังจิตวิเศษสามารถรักษาโรคทางจิตเวชได้ และชายผู้นี้มีชื่อเสียงระดับโลกว่าเขาได้ล่วงละเมิดทางเพศและข่มขืนผู้เข้ารับการรักษาตั้งแต่ปี 2553 จึงมาถึงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียหายหลายรายเผยว่าตนต้องสำเร็จความใคร่ให้นายฟาเรีย ซึ่งเขาได้ให้เหตุผลว่านี่คือวิธีเดียวที่จะส่งต่อพลังงานสะอาดไปที่คนไข้ได้ และเป็นกระบวนการหนึ่งในการรักษาซึ่งสำนักงานของเขาออกมาให้การปฏิเสธว่า ตลอดการรักษาที่ผ่านมาของนายฟาเรียไม่เคยเกิดปัญหาใด ๆ ขึ้น

อยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญย่อมดีกว่า

จะเห็นได้ว่ามีผู้ที่อ้างตัวว่ามีพลังวิเศษสามารถรักษาโรคจิตเวชได้ทุกโรค ด้วยสารพัดวิธีมากมาย การมารักษาการสถานบันที่ไม่ใช่โรงพยาบาลที่มีแผนกเฉพาะทางรองรับรองจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ถูกต้องสำหรับผู้ป่วยจิตเวช แต่การที่ผู้ป่วยไปเข้ารับการรักษาแล้วมีการล่วงละเมิดทางเพศผู้ป่วยเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ ผู้ป่วยเองก็มีความบอบช้ำทางใจอยู่แล้ว แล้วมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้อีก ส่งผลให้การรักษาอาจจะเป็นไปได้ยากขึ้น ดังนั้นหากท่านมีเพื่อน ญาติ หรือแม้กระทั่งตัวท่านเองที่เข้าข่ายเป็นโรคที่ได้กล่าวมาในข้างต้น ทางที่ดีที่สุดก็คือไปเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลเฉพาะทาง หรือโรงพยาบาลทั่วไปที่มีแผนกจิตเวช เพื่อให้ได้อยู่ในการดูแลของผู้เชี่ยวชาญโดยท่านมั่นใจได้ว่าข้อมูลของท่านจะไม่รั่วไหล หากไม่ต้องการให้คนในครอบครัวหรือคนในที่ทำงานรู้ เพราะข้อมูลของคนที่ในโรงพยาบาลไม่เชื่อมต่อกับส่วนอื่น หรือหากแค่ต้องการปรึกษาในเบื้องต้นก็สามารถทำได้โดยเดินเข้าไปติดต่อกับโรงพยาบาลรัฐ ที่เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง ท่านก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ โดยสามารถแจ้งความประสงค์ไม่ระบุชื่อได้ ทั้งการเข้ารับการรักษาด้วยวิธีที่ถูกต้อง คนไข้เองก็ไม่ต้องมาเสี่ยงกับการโดนล่อลวงหรือโดนละเมิดทางเพศอีกด้วย