Month: June 2018

เราเรียนรู้อะไรจากปรากฏการณ์สุดทราม นักเรียน ป.3 “ข่มขืน” ป.1

                “สุดสะเทือนใจเมื่อเด็กหญิงชั้นป.1 ถูกเด็กชายชั้นป.3 ว่าจ้างเด็กป.5 ให้ฉุดมาข่มขืนริมสระน้ำ ซ้ำร้ายเมื่อก่อเหตุพยายามจะจับเด็กหญิงป.1 กดน้ำ เพื่อฆ่าปิดปาก แต่เหยื่อสาวน้อยคนนี้รอดมาได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในจังหวัดบุรีรัมย์” เมื่อเราลองมองไปที่ตัวเด็ก ส่วนใหญ่ในเหตุการณ์เลวร้ายเหล่านี้กว่า 80% ไม่มีพ่อแม่คอยดูแลใกล้ชิด เนื่องจากความจนเป็นสาเหตุให้พ่อแม่จำใจทิ้งลูกไว้กับญาติผู้ใหญ่ในต่างจังหวัด เพื่อให้ตนได้ทำงานหาเงินได้สะดวก แม่บางคนก็ส่งลูกให้กับปู่ย่าตายายเลี้ยงทันทีที่ตัวเองคลอด เด็กจึงต้องอยู่กับผู้ปกครองที่ไม่ใช่พ่อแม่แท้ ๆ ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ ข้อดีของการส่งลูกให้ญาติผู้ใหญ่เลี้ยงดูก็มีหลายอย่าง เช่น เด็กจะผูกพันกับปู่ย่าตายายมาก และยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมและรากเหง้าของตน แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน เด็กในวัย 0-3 ขวบเป็นช่วงวัยที่เขาจะเจริญเติบโตได้มากที่สุด และเป็นวัยแห่งการปูพื้นฐานของเด็กเมื่อเติบโตขึ้น ซึ่งหมายความว่าเขาจะซึมซับความทรงจำที่บ่งบอกความเป็นตัวตนตั้งแต่ช่วงวัยนี้ ถ้าเด็กได้คนเลี้ยงดูที่ดี เขาก็จะมีทัศนคติที่ดีและติดตัวไปจนโต กลับกันถ้าเด็กถูกปล่อยปละะละเลย ไม่ใส่ใจ หรือถูกกระทำทารุณ เหล่านี้จะกลายเป็นปมด้อยในใจของเขา ปมด้อยในใจใหญ่ขึ้นเพราะ “ถูกทิ้ง” นอกจากนี้สิ่งที่มักเป็นปมอยู่ในใจเสมอของเด็ก ๆ ที่ถูกส่งไปอยู่กับญาติผู้ใหญ่ในต่างจังหวัด คือการตระหนักว่าตนเองถูกทอดทิ้ง ดังนั้นในใจลึก ๆ จึงเกิดความรู้สึกเรียกร้องและโหยหาความรักอยู่เสมอ การเติมเต็มความรู้สึกถูกทิ้งจึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการแก้ปัญหาเหล่านั้น ความคิดที่ว่าตนกำลังเป็นที่สนใจ ทำให้เด็กไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งนั้นดีหรือไม่ แต่น่าเศร้าเด็กบางคนกลับหลงเชื่อและยอมแลกบางอย่างเพื่อได้รับการใส่ใจ จนทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นดังที่ได้ปรากฎอยู่ในหลาย

กลั่นแกล้ง เก็บกด จนกราดยิง

เมื่อกล่าวถึงสังคมโรงเรียนมัธยมปลายในต่างประเทศ หลายคนมักจะคิดถึงความรุนแรงของเด็กวัยรุ่น โดยเฉพาะโรงเรียนมัธยมปลายในประเทศสหรัฐอเมริกา หลายครั้งที่เราเห็นภาพสะท้อนผ่านภาพยนตร์ เพื่อแสดงให้เห็นความรุนแรงในโรงเรียนมัธยมของอเมริกา ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์เท่านั้น แต่ในชีวิตจริงก็มักจะเห็นข่าวการใช้ความรุนแรงของนักเรียน หรือการฆ่าตัวตายของนักเรียน หรือแม้กระทั่งข่าวการพกอาวุธปืนเข้าไปในโรงเรียน เพื่อสังหารครูและเพื่อนร่วมโรงเรียน ประเด็นหลัก ๆ ที่สร้างความแตกแยกของนักเรียนในโรงเรียนเดียวกัน คือความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติและศาสนา เป็นที่รู้กันดีว่าอเมริกาเป็นประเทศที่มีผู้คนจากหลากหลายชาติพันธุ์ มาอาศัยอยู่รวมกัน ดังนั้นจึงมีการแบ่งแยกพรรคพวก ทำให้เกิดการเหยียดหยามกันระหว่างเชื้อชาติ เมื่อความเชื่อและความศรัทธาต่างกัน ประเด็นต่อมาคือศาสนา ซึ่งเป็นความศรัทธาส่วนบุคคล และทุกคนก็มักจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงศาสนา พราะเป็นเรื่องเปราะบาง แต่ผู้ใหญ่บางคนมีความคิดเถรตรงและรุนแรง ทำให้ความรุนแรงทางศาสนาในระดับภูมิภาคเกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง นับประสาอะไรกับวัยรุ่น ผู้มีระดับฮอร์โมนกำลังเจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอไม่คงที่ ทำให้การพูดและการกระทำที่ไม่ยั้งคิดส่งผลให้เกิดความรุนแรง “แก้แค้น เอาคืน” คือเหตุจูงใจ นอกจากนี้ความต้องการเป็นผู้มีชื่อเสียงในโรงเรียน ก็เป็นประเด็นหลัก ๆ อีกหนึ่งประเด็นที่ควรจะพูดถึง ข้อดีของการเป็นนักเรียนที่โดดเด่น คือการเป็นตำนานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านกีฬา ด้านกิจกรรม ด้านวิชาการ แม้กระทั่งด้านไม่ดี เมื่อการเป็นตำนานที่มีชื่อเสียง คือสิ่งล่อใจให้หลายคนแก่งแย่งที่จะเป็นที่หนึ่ง และแน่นอนว่าเมื่อมีผู้เป็นที่หนึ่งก็จะมีผู้เป็นที่สอง และที่สุดท้ายตามลำดับ สิ่งที่น่าเศร้าคือ ในสังคมของโรงเรียนที่มีการแสดงออกรุนแรงต่อความเชื่อ มักไม่มีที่ยืนให้ผู้เป็นที่สองหรือผู้แพ้ ฉะนั้นการถูกเหยียบย่ำซ้ำเติมจากเพื่อนนักเรียนด้วยกัน

เมื่อ“เด็กจบใหม่” กลายเป็นเหยื่อของการคอร์รัปชั่น

ในเศรษฐกิจที่งานประจำหายาก ทำให้การว่างงานเป็นเรื่องน่ากลัว โดยเฉพาะนักศึกษาที่เพิ่งพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัย จากการสำรวจล่าสุดของปี 2560 มีนักศึกษาตกงานถึง 2 แสนคน ด้วยเหตุผลมากมาย เช่น ไม่มีทักษะที่ตลาดต้องการ สายงานไม่ตรงตามวุฒิ หรือแม้กระทั่งเหตุผลภายในอย่างกลัวการเข้าสังคม ไปจนถึงกลัวการเข้าสู่โลกของการทำงาน ไม่ใช่เด็กจบใหม่เท่านั้นที่กลัว ผู้ปกครองก็กลัวเช่นกัน หลายคนต้องใช้ตำแหน่ง เส้นสาย รวมทั้งเงินเป็นเดิมพันเพื่อให้ลูกหลานของท่านได้เข้าทำงานในหน่วยงาน การกลัวความไม่มั่นคงเหล่านี้ล้วนเป็นต้นเหตุหลัก ๆ ของการคอร์รัปชั่น เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศของเราใช้ระบบอุปถัมภ์ สิ่งที่ทำกันมานานเราเรียกว่า ธรรมเนียม/ประเพณี และเมื่อกลายเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ทำ เราจึงมองว่าเป็นเรื่องไม่ผิด ในประเทศของเราผู้ปกครองส่วนใหญ่ในชนบทมีอาชีพเกษตรกร การสร้างรายได้เพื่อส่งให้บุตรหลานเล่าเรียนเป็นเรื่องที่หนักหนาเอาการ และหลายคนไม่ต้องการให้บุตรหลานอยู่ไกลบ้านเมื่อสำเร็จการศึกษา ประกอบกับความเชื่อเก่า ๆ ที่ว่าเราสามารถสร้างความมั่นคงด้วยการเป็นข้าราชการ เพราะฉะนั้นถ้ามีโอกาสพวกเขาก็จะไม่ปฏิเสธ ทำให้เกิดวังวนของการคอร์รัปชั่น “เด็กจบใหม่ ไร้ทางเลือก” เมื่อ“เด็กจบใหม่” ตระหนักว่าตนเป็นผู้น้อย ซึ่งประสบการณ์และมีทางเลือกไม่มากนัก ก็ต้องยอมเข้าสู่กระบวนการคอร์รัปชั่นแต่โดยดี ตำแหน่งที่ได้รับส่วนใหญ่มักจะอยู่ในระดับลูกจ้าง โดยหวังว่าสักวันจะมีโอกาสได้เป็นพนักงานตัวจริง หลายคนยอมกินเงินเดือนที่น้อยกว่าระดับเงินเดือนที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งถือว่า “เด็กจบใหม่” นั้นกลายเป็นเหยื่ออย่างแท้จริง ในส่วนของผู้ปกครองสำนวนไทยที่ว่า

ผู้หญิงยุคใหม่อ้วนง่ายเพราะ “กาแฟเย็น”

จะเห็นว่าในรอบสิบปีที่ผ่านมานี้ มีธุรกิจร้านกาแฟเพิ่มขึ้นในประเทศไทยจำนวนมาก เรียกว่ามีร้านกาแฟให้เข้าไปใช้บริการในทุก ๆ หัวถนน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองเห็นรายได้จากการบริโภคกาแฟเป็นประจำ ซึ่งมีทั้งธุรกิจร้านกาแฟขนาดย่อมของผู้ประกอบการชาวไทย และธุรกิจร้านกาแฟขนาดใหญ่ของผู้ประกอบการชาวต่างชาติ นี่เป็นสาเหตุของการมีร้านกาแฟเพิ่มขึ้นในประเทศไทย การเพิ่มขึ้นของจำนวนร้านกาแฟนั้น ก็เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่บริโภคกาแฟเป็นกิจวัตรประจำวัน เมื่อคุณเดินเข้าร้านกาแฟจะพบว่าไม่ได้มีแค่กาแฟเท่านั้น ยังมีรายการเครื่องดื่มอีกหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ชา โกโก้ หรือเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ แม้กระทั่งขนมหวานต่าง ๆ ซึ่งเป็นแหล่งรวมของน้ำตาลทั้งสิ้น และผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้บริโภคชั้นดีกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะการบริโภคของหวาน เนื่องจากผู้หญิงมีฮอร์โมนเอสโตรเจนที่จะควบคุมให้มีไขมันในร่างกายมากกว่า 20 % ซึ่งเฉลี่ยแล้วสูงกว่าผู้ชายราว ๆ 5 % เพื่อให้มีร่างกายพร้อมกับการตั้งครรภ์ ดังนั้นเมื่อใกล้ถึงวันนั้นของเดือน ผู้หญิงจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มขึ้น จึงทำให้เกิดอาการอยากของหวานมากกว่าวันปกติ ประกอบกับประเทศไทยเป็นเมืองร้อน การทานเครื่องดื่มหวาน ๆ เย็น ๆ ก็สามารถทำให้ร่างกายเย็นลงได้ ความต้องการเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการร้านกาแฟมองเห็นช่องทางธุรกิจ โดย“กาแฟเย็น” หนึ่งแก้วประกอบด้วย น้ำตาลทราย นมข้นหวาน นมจืด และกาแฟ ซึ่งให้พลังงานต่อหนึ่งแก้วประมาณ 320 แคลอรี่ มีพลังงานเทียบเท่ากับก๋วยเตี๋ยวหมูหนึ่งชาม

ผู้หญิงเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมรถมากกว่าผู้ชาย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการโจรกรรมนั้นเกิดขึ้นบ่อยในบ้านเมืองของเรา โดยเฉพาะกับรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการทุบกระจกเพื่อขโมยสิ่งของมีค่า การขโมยรถ หรือแม้กระทั่งการปล้น จี้ หรือลวงเจ้าของรถไปในสถานที่เปลี่ยวและก่อเหตุร้ายต่าง ๆ ซึ่งข่าวเหล่านี้เกิดขึ้นให้เห็นอยู่รายวัน โดยรถของผู้หญิงมีแน้วโน้มในการเป็นเหยื่อมากกว่ารถของผู้ชาย ผู้หญิงสมัยใหม่เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์สามารถขับรถได้ การดูแลรักษารถนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ควรรู้ แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้นกับคุณและรถของคุณ สิ่งที่ผู้หญิงไม่ควรทำเมื่อมีรถเป็นของตัวเองและต้องขับรถโดยลำพังคือ การระบุเพศให้รถ ผู้หญิงส่วนใหญ่เมื่อซื้อรถก็หวังอยากจะตกแต่งรถให้ตรงกับความชอบส่วนตัว และเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวตน เช่น บางคนติดสติ๊กเกอร์เป็นรูปการ์ตูนสีสันสดใส หรือบางคนตกแต่งภายในรถด้วยตุ๊กตาน่ารัก หารู้ไม่ว่านั่นเป็นสิ่งล่อตาล่อใจโจร การระบุเพศให้กับรถของคุณนั้นเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก โดยเฉพาะการบอกว่ารถคันนี้มีผู้หญิงขับ ตามหลักจิตวิทยาโจรเลือกปล้นรถผู้หญิง คุณลองสมมุติเอาว่าตัวคุณเป็นโจรที่กำลังวางแผนทุบกระจก หรือขโมยรถตามลานจอดรถ คุณจะเลือกรถที่มีลักษณะแบบไหนเมื่อดูจากภายนอก แน่นอนว่าไม่มีโจรคนใดอยากจะเลือกทุบกระจกรถคันใหญ่ สีดำ ดูน่าเกรงขาม เพราะมันบ่งบอกด้วยตัวมันเองว่า รถคันนี้เป็นรถของผู้ชาย แต่กลับกันรถที่มีสติ๊กเกอร์รูปการ์ตูนสีชมพู มักจะเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ ของโจร ตามหลักจิตวิทยาเมื่อโจรคนหนึ่งต้องการปล้นหรือขโมยรถสักคัน เหยื่อที่เป็นเป้าหมายมักจะเป็นผู้หญิง เนื่องด้วยความเชื่อฝังหัวที่ว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ มีความรู้เรื่องรถค่อนข้างน้อย และไม่ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย นี่เป็นจุดอ่อนที่ทำให้ผู้หญิงมักจะเป็นเหยื่ออยู่เสมอ ผู้หญิงขับรถต้องรู้เท่าทันและป้องกันไว้ก่อน ดังนั้นเมื่อคุณผู้หญิงมีรถเป็นของตัวเองแล้ว สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่ขับรถเก่งหรือสอบใบขับขี่ผ่าน หรือดูแลรักษารถเท่านั้น แต่รวมไปถึงต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย การหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ถูกโจรกรรมนั้น เริ่มได้ที่คุณโดยการไม่แสดงออกอย่างเปิดเผยว่ารถของคุณมีผู้หญิงเป็นคนขับ เพราะเมื่อใดก็ตามที่เกิดเหตุอาชญากรรม