อันดับคอร์รัปชั่นประจำปี สิ่งบ่งชีความเจริญก้าวหน้าและอนาคตของประเทศ

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในหนึ่งปีที่โลกได้หมุนไปครบหนึ่งรอบนั้น ประเทศต่าง ๆ จะถูกจัดอันดับความโปร่งใส่ในการทำงานของรัฐบาล อันหมายถึงเปิดเผยให้รู้ว่า ประเทศต่าง ๆ แต่ละประเทศได้รับการจัดอันดับการคอร์รัปชั่นอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ ซึ่งจะสะท้อนกลับไปให้เห็นถึงการแก้ปัญหาการทุจริตของประเทศนั้น ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม

การประเมินความโปร่งใสในการทำงานว่าดีขึ้นหรือแย่ลงของประเทศในภูมิภาคอาเซียน และแน่นอนว่าไทยก็ต้องรวมอยู่ด้วยเช่นกัน ปีที่แล้วไทยได้รับการประเมินคะแนนความโปร่งใส่ในการทำงาน 35 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อปีก่อนหน้าที่ไทยมีคะแนนอยู่ที่ 38 คะแนน ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ไทยได้รับการจัดอันดับคอร์รัปชั่นจากที่เคยอยู่ในอันดับที่ 76 ตกไปอยู่อันดับที่ 101 ตกวูบถอยหลังไปถึง 25 อันดับ

การที่ไทยได้อันดับตกลงไปจากปีก่อนหน้าเป็นเพราะปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทั้งเรื่องของการเลือกตั้งที่ยังไม่เกิดขึ้น ยังไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ เป็นเหตุให้อันดับของไทยตกลงไป และหากเมื่อใดที่มีการเลือกตั้งเป็นอันเสร็จสิ้นเรียบร้อยดีแล้ว อันดับไทยคงขยับขึ้นมาเป็นแน่แท้ อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องน้อยอกน้อยใจไปที่ผลการจัดอันดับคอร์รัปชั่นออกมาเช่นนี้ เพราะเรายังมีการจัดอันดับสำหรับปีนี้ให้รอลุ้นกันอยู่

ประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนของเราที่พอเชิดหน้าชูตาได้ มีเพียง 2 ประเทศเท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์คะแนนที่ 50 ขึ้นไป ได้แก่ สิงคโปร์ ซึ่งติดอันดับ 7 ของโลก จาก 156 ประเทศ มีคะแนนความโปร่งใส่มากถึง 84 คะแนน และบรูไน เป็นประเทศที่ติดอันดับความโปร่งใส 1 ใน 2 ของอาเซียน นอกจากนั้นอันดับความโปร่งใสไม่ผ่านเกณฑ์ทั้งสิ้น เช่น มาเลเซียได้ 49 คะแนน เกือบผ่านเกณฑ์แล้วอีกแค่คะแนนเดียว อินโดนีเซียได้ไป 37 คะแนน ไทยกับฟิลิปปินส์ มีคะแนนเท่ากัน คือ 35 คะแนน อาจจะมองว่าน้อยเต็มทีเมื่อวัดจากคะแนนเต็มร้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังดีกว่าประเทศเวียดนาม ลาว พม่าและกันพูชา ที่มีคะแนน 33, 30, 28, และ 21 ตามลำดับ ปรากฏชัดเจนว่าอาเซียนมีประเทศที่ผ่านเกณฑ์การประเมินคะแนนความโปร่งใส่เพียงสองประเทศเท่านั้น

ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ประเทศต่าง ๆ ได้รู้ว่าตนเองได้รับการจัดอันดับที่เท่าไหร่ เพื่อจะได้วางแผนแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป อีกทั้งเป็นแบบทดสอบอย่างดีสำหรับผู้นำในแต่ละประเทศ เป็นการบ้านที่ต้องนำกลับไปขบคิดหาทางแก้ไข เพราะยังไงคงไม่อยากให้ผลการประเมินตกต่ำลงไปกว่านี้อย่างแน่นอน

อย่างน้อย ๆ ภาพลักษณ์อันเป็นหน้าตาของประเทศก็จะดีขึ้นหากได้อยู่ในอันดับที่สูงขึ้น ปี 61 รอการพิสูจน์อยู่ ศักยภาพที่มีควรเอาออกมาใช้ให้หมด โชว์ออกมาให้เห็นกันไปเลย