ความพิโรธจากธรรมชาติ ถึงเวลาชำระบาปสู่มนุษย์โลก

โลกเรานับวันยิ่งเผยอะไรต่อมิอะไรให้ได้เห็นกันชัดเจนขึ้นทุกขณะ ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาควันพิษที่มีค่าอันตรายสูงเกินมาตรฐาน กลายเป็นที่วิภาควิจารณ์กันไปทั่วสารทิศ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ก็ต้องเผชิญกับวิกฤติการณ์ที่หนักหน่วงเช่นกัน

เมื่อวันที่พุธ ที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา กรมควบคุมมลพิษได้ออกมาเตือนภัยเกี่ยวกับควันพิษที่กระจายไปทั่วกรุงเทพและปริมณฑล โดยระบุว่า ฝุ่นควันดังกล่าวมีค่าพีเอ็ม 2.5 ซึ่งเป็นค่าที่สูงกว่ามาตรฐาน ผู้ที่สูดดมเข้าไปในปริมาณที่มาก มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งสูง ด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สูดดมจะผ่านเข้าไปทางเดินระบบหายใจ จนทำให้เกิดการอักเสบและทำให้เกิดการเปลี่ยนถ่ายลมอากาศไม่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการได้ ดังนั้นหากต้องออกจากอาคารสถานที่ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันอันตรายดังกล่าวในระดับหนึ่ง เหตุการณ์ดังกล่าวยังสอดคล้องกับงานวิจัยของสถาบันการแพทย์ว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุดในทุกปี ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเพิ่มมากขึ้นราวปีละถึง 120,000 คน

เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว สำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดอันดับ 1 จาก 132 เมือง เหลือเชื่อจริง ๆ แต่ขณะเดียวกันกรุงเทพก็เป็นเมืองที่รถติดมากที่สุดเป็นอันดับ 1 จาก 390 เมืองเช่นกัน และทำสถิติติดต่อกันสองปีซ้อน คนไทยควรดีใจหรือเสียใจหรือจะเฉย ๆ ดี

มาดูเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายของประเทศเพื่อนบ้านเรากันบ้าง ล่าสุดที่ประเทศฟิลิปปินส์ได้อพยพผู้คนที่อาศัยอยู่รอบ ๆ ของภูเขาไฟ “มายอง” ให้ไปอยู่ในรัศมี 9 กิโลเมตรซึ่งถือเป็นจุดที่ปลอดภัยแล้ว เนื่องจากภูเขาไฟมายองเกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับมีฝนอย่างหนักเมื่อวันวานนี้ (27 ม.ค.) ทางการอุตุฯ ของฟิลิปปินส์ระบุว่า การระเบิดของภูเขาไฟนั้นไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่สิ่งที่น่ากลัวคือฝนที่ตกลงมาตางหาก และกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เนื่องจากเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2544 หรือย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ภูเขาไฟมายองเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นอันตรายกับผู้คน แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงคือเศษดินและหินที่ปะทุขึ้นมาพร้อมกับภูเขา แล้วไหลรวมลงมากองอยู่รอบๆ ภูเขาไฟ เมื่อเกิดฝนตกหนักทำให้ดินโคลนเหล่านั้นถล่มไหลลงมาตามแม่น้ำอย่างเฉียบพลัน มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้นนับ 1,000 คน ด้วยเหตุนี้จึงต้องอพยพผู้คนไปยังที่ปลอดภัยก่อนเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันดังกล่าว โดยประชากรที่อพยพมีจำนวนมากถึง 84,000 คน อย่างไรก็ตามผู้อพยพได้รับการดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี และคาดว่าหากเหตุการณ์สงบลง ประชาชนก็จะสามารถกลับไปยังแหล่งที่อยู่ของตนได้

นี้คงเป็นสัญญาณเตือนจากธรรมชาติว่า “ฉันไมไหวแล้วนะ” ถึงเวลาที่ฉันจะต้องเอาคืนแล้ว