จบไปแล้ว 2 รายการฟุตบอลเยอรมันทั้งบุนเดสลีกา และเดเอฟเอ โพลคาล ที่ บาร์เยิร์น มิวนิค คว้าดับเบิ้ลแชมป์ไปครองแล้ว เหลืออีกหนึ่งเป้าหมายสำหรับทีมเสือใต้ ซึ่งเป็นเป้าหมายใหญ่เสียด้วยนั่นคือฟุตบอล ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ที่จะมีคิวเตะหลังจากนี้ ซึ่งจะมีความเป็นไปได้ขนาดไหนที่เสือใต้ บาร์เยิร์นมิวนิคจะสามารถคว้าแชมป์ยุโรปมาครองได้อีกครั้งนึงและกลายเป็นทริปเปิ้ลแชมป์เหมือนกับที่เคยทำได้ในฤดูกาล 2012-2013 มีปัจจัยอะไรบ้างที่น่าจะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จได้
ฟอร์มเสมอต้นเสมอปลาย
หลังจากเอาชนะไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในนัดชิงถ้วยเดเอฟเบ โพคาล 4-2 ทำให้บาเยิร์นทำสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันถึง 26 เกม โดยเป็นการชนะติดต่อกันถึง 17 นัด รวมไปถึงการคว่ำ เชลซี และ สเปอร์จากอังกฤษด้วย ซึ่งถ้าฟอร์มเสมอต้นเสมอปลายเช่นนี้ก็น่าจะมีลุ้นเข้ารอบลึก ๆ ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกไปเรื่อยจนถึงแชมป์ได้
ยอดทีมต้องมี สุดยอดกุนซือ
ความสำเร็จของบาร์เยิร์น มิวนิคในฤดูกาลนี้อาจต้องยกความดี ความชอบ มากกว่า 50% ให้กับทางฮันซี่ ฟลิค กุนซือใหม่ที่ถูกแต่งตั้งเข้ามาแทนนิโก้ โควัค แน่นอน ฮันซี่ ฟลิค ใช้เวลาไม่นานในการปรับจูนระบบของทีมทำให้กลับมาเล่นได้ไหลลื่นตามแบบฉบับเสือใต้ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่นับรวมการแก้เกมในระหว่างเกมที่อาจจะเจาะแนวรับคู่แข่งไม่ได้ ก็ยังมีการแก้เกมจนสามารถเอาชนะได้
สุดยอดกองหน้าที่แสนคมกริบ
ปัจจัยสำคัญนอกจากการวางแผนของผู้จัดการทีมแล้ว การที่เสือใต้มียอดกองหน้าอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟกี้ อยู่กับทีม ซึ่งเป็นคนกำหนดทีเด็ดทีขาดให้กับทีมอยู่เป็นประจำ ถึงแม้อายุจะปาเข้าไปถึง 31 ขวบแล้ว แต่ฤดูกาลนี้ เลวานยังซัดไปถึง 51 ประตูทุกรายการให้กับบาร์เยิร์น มิวนิค ไม่แน่หากเขายังยิงประตูพาบาร์เยิร์นได้แชมป์ยุโรปแล้ว รางวัลบัลลงดอร์ครั้งต่อไป อาจจะเป็นของเขาก็เป็นได้
มานูเอล นอยเออร์ผู้รักษาประตูที่คอยบัญชาเกมรับ
บาร์เยิร์น มิวนิคเป็นทีมที่เล่นเกมรุกบุกแหลกอยู่แล้วทำให้บ่อยครั้งที่นักเตะแผงหลังดันขึ้นสูง แต่ก็หามีปัญหาแต่อย่างไร เพราะพวกเข้ามี Sweeper Goalkeeper อย่างมานูเอล นอยเออร์ คอยบัญชาเกมอยู่ทำให้นักเตะคนอื่นไม่จำเป็นต้องพะวงหลังบ้านมากนัก นอกจากทักษะ การใช้เท้า การอ่านเกม รวมทั้งความกล้าในการตัดเกม นอยเออร์ผู้เป็นกัปตันยังคอยกระตุ้นนักเตะแนวรับรุ่นน้องได้อยู่เสมอ
แดนกลางที่ลงตัว
การจับคู่กันของโจซัว คิมมิช และ เลออน กอเรสก้า ทำให้แดนกลางของเสือใต้ลงตัวมากขึ้น เนื่องจากทั้งสองคนจ่ายบอลแม่นยำโดยมีอัตราการผ่านบอลสำเร็จสูงสูด 92% รวมทั้งคอยสกรีนเกมรุกคู่แข่งได้เป็นอย่างดี ส่วนในแนวรุก ยังใช้บริการของ โธมัส มุลเลอร์ ที่มีจิตวิญญาณนักสู้อยู่ในตัวอย่างเต็มเปี่ยม และเล่นเพื่อทีมเป็นหลัก ทำให้ทั้งเกมรับและเกมรุกของบาร์เยิร์น มิวนิค เรียกได้ว่าเนียนมาก
คงไม่แปลกอะไรที่ทีมที่มีคุณสมบัติครบถ้วยทุกอย่าง อย่างบาเยิร์น มิวนิค จะสามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้ มาร่วมลุ้นกันว่าพวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่