Day: May 2, 2019

ครูกระชากผมและดึงผมเด็กนักเรียนหญิง ในห้องเรียน

ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่สามารถพบเห็นได้ในข่าวเป็นประจำไม่ใช่แค่ความรุนแรงในครอบครัวเท่านั้น แต่ความรุนแรงในสถานศึกษาหรือโรงเรียน ความรุนแรงและการกลั่นแกล้งในโรงเรียนมีมานานมากแล้ว โดยความรุนแรงไม่ได้หมายถึงการตบตี ชกต่อยเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการพูดจาไม่ดีใส่กันด้วย การว่าร้าย การด่ากราด การเหยียดสีผิว เหยียดชนชาติและเหยียดเพศ เพียงแต่ในระยะหลังมานี้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะระหว่างนักเรียนกับนักเรียนเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นระหว่างครูผู้สอนกับนักเรียนอีกด้วย หลาย ๆ ประเทศมีข่าวแบบเดียวกันคือ ครูตีเด็กและลงโทษหนักเกินไปในเรื่องเล็กน้อย เช่น ไม่ทำการบ้าน หรือเรียนไม่เข้าใจ หลายครั้งที่ครูหรืออาจารย์ทำร้ายเด็กในความดูแลของตัวเองด้วยการกล่าววาจาให้เจ็บใจและการทำร้ายร่างกาย ผู้เชี่ยวชาญออกมาแจ้งว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีสาเหตุหลักม 2 ประการคือ ตัวบุคคลซึ่งคือครูหรืออาจารย์เอง มีความผิดปกติทางจิต และอีกสาเหตุหนึ่งคือ ขาดทักษะในการรับมือและจัดการเด็กทีละมาก ๆ  รวมถึงขาดทักษะในการจัดการกับอารมณ์และความเครียดของตัวเอง คลิปวิดิโอที่อัดผ่านโทรศัพท์มือถือเผยให้เห็นว่ามีคุณครูคนหนึ่งจับและกระชากผมของนักเรียนผู้หญิงที่เดินแถวฟลอริด้าอย่างรุนแรง โดยวิดีโอดังกล่าวได้ถูกอัพโหลดในโซเชียลมีเดียและถูกเผยแพร่ไปอย่างรวดเร็ว และการสอบสวนภายในเกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ซึ่งทางโรงเรียนได้ออกมาบอกว่าคุณครูคนดังกล่าวถูกไล่ออกจากโรงเรียนแล้ว ทางโรงเรียนได้ออกมาแถลงการณ์ว่า ณ ตอนนี้ทางโรงเรียนได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว และทุกอย่างกำลังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบและขอเน้นย้ำว่าเรื่องนี้ได้ถูกแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ทางโรงเรียนได้เน้นอีกว่าครูคนดังกล่าวได้ถูกไล่ออกจากโรงเรียนแล้ว และเนื่องด้วยว่าเรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบจึงไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้มากนัก หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรีบแจ้งให้ทุกคนได้ทราบโดยทั่วกัน ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในโรงเรียนดังกล่าวได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ออกมาแสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และคาดหวังว่าเหตุการณ์นี้จะได้รับการแก้ไขที่ถูกต้องเหมาะสมอย่างรวดเร็ว และต้องการความชัดเจนว่ามีวิธีคัดกรองบุคลากรที่จะเข้ามาทำงานในสถานศึกษาแห่งนี้และการยืนยันว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก หลายครั้งที่ความรุนแรงในลักษณะนี้ถูกปกปิดโดยโรงเรียนต้นสังกัดเพียงแต่ว่าเมื่อมีเทคโนโลยีอย่างโทรศัพท์มือถือเข้ามาเกี่ยวข้องการปกปิดจะทำได้ยากขึ้น โรงเรียนจะต้องร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่จะทำให้เด็กเจ็บทางกาย แต่ทำให้เด็กได้รับความบอบช้ำทางจิตใจ อาจจะทำให้เด็กมีอาการหวาดกลัว