Month: February 2019

เจ้าตูบถูกพบว่าเฝ้ารอเจ้าของ 1 เดือนหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่แคลิฟอร์เนีย

น้องหมามีประวัติศาสตร์การอยู่ร่วมกับคนมาอย่างยาวนานตั้งแต่ประมาณ 12,000 ปีที่แล้ว ในหลาย ๆ หน่วยงานเลี้ยงสุนัขไว้เพื่อใช้ทำงาน เช่น สุนัขที่ใช้ในการนำทาง สุนัขที่ใช้บำบัดคนไข้ สุนัขตรวจระเบิดและสิ่งแปลกปลอมในสนามบิน เราเลี้ยงหมาด้วยหลายเหตุผล บางคนเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน บางคนเลี้ยงให้เป็นสมาชิกในครอบครัว ในหลายประเทศเมื่อมีลูกก็ให้สุนัขเป็นของขวัญแก่ลูก เพื่อขัดเกลาให้ลูกมีจิตใจที่อ่อนโยน เมตตาและฝึกความรับผิดชอบในเด็ก โดยน้องหมาเองก็มีลักษณะนิสัยที่เป็นที่ถูกอกถูกใจใครหลาย ๆ คน ทั้งประจบ จริงใจ รักเจ้าของ กล้าหาญและซื่อสัตย์ ซึ่งสามารถเติมเต็มความสุขในบ้านได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย โดยเฉพาะความซื่อสัตย์ของน้องหมาซึ่งมีหลายตัวที่โด่งดังในเรื่องนี้ไปทั่วโลก เช่น เจ้าฮาจิโกะที่ไปรอเจ้านายที่เสียชีวิตอย่างกะทันหันที่สถานีรถไฟเป็นเวลาถึง 10 ปี จนชาวญี่ปุ่นได้สร้างลานรูปปั้นให้ ทั้งเรื่องราวนี้ยังถูกนำไปทำเป็นภาพยนต์หลายต่อหลายครั้ง เรื่องราวน่าประทับใจ เรื่องราวของเจ้าตูบเมดิสันถูกเผยแพร่ในสังคมโซเชียลมีเดีย โดยมีใจความว่าเจ้านายของเมดิสันไม่สามารถกลับไปที่บ้านได้เมื่อตอนที่ไฟป่ายังลุกลามอยู่ และได้แต่หวังว่าเจ้าเมดิสันจะยังอยู่สบายดี ซึ่งเมื่อไฟป่ามอดดับหมดแล้ว ครอบครัวที่เป็นเจ้าของหมาตัวนี้ได้กลับไปที่ที่เคยเป็นบ้านอีกครั้ง และพวกเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้พบกับหมาที่พวกเขาเลี้ยงไว้นอนรออยู่ที่นั่น เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตที่ช่วยในส่วนของการดูแลสัตว์พลัดหลงจากเหตุการณ์ไฟไหม้เปิดเผยว่า เธอเห็นหมาตัวนี้สองสามครั้งขณะที่ทำงานอยู่พร้อมเปิดเผยว่าเธอดีใจมากที่ได้ไปแจ้งแอนเดรีย (เจ้านายของเมดิสัน) ว่าเธอสามารถกลับบ้านได้แล้วและที่ที่เคยเป็นบ้านของเธอมีเจ้าตูบรอคอยอยู่ไม่จากไปไหน แอนเดรียโพสเผยแพร่ข้อความของเธอผ่านโซเชียลมีเดียพร้อมทั้งน้ำตา ว่าเธอดีใจเป็นอย่างมากที่เมดิสันรอเธอเป็นเดือนและไม่ยอมแพ้ ในเรื่องร้ายก็ยังพอมีเรื่องดี ๆ อยู่บ้าง แม้ว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายอย่างมาก โดยเบื้องต้นมีรายงานว่าไฟไหม้กินพื้นที่กว่า 2

เด็กหญิงวัย 3 ขวบ กลายเป็นคนไข้มะเร็งเต้านมที่อายุน้อยที่สุดในโลก

มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่พบได้บ่อยกว่ามะเร็งชนิดอื่นและเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของผู้หญิง ซึ่งมะเร็งเต้านมนี้ไม่มีวัคซีนฉีดเพื่อป้องกันเหมือนมะเร็งปากมดลูก โดยปัจจัยเสี่ยงของการเป็นมะเร็งเต้านมมีอยู่หลายประการ ตัวอย่างเช่น มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมซึ่งมีผลเพียงแค่ประมาณ 10 %  การกลายพันธุ์ของยีนส์ในร่างกาย หรือลักษณะของการใช้ชีวิตในแต่ละวัน การเลือกรับประทานอาหารมีผลมากถึง 30 – 40 % เป็นมะเร็งเต้านมแม้อายุเพียง 3 ขวบ แม่ของเด็กน้อยชาวจีนวัย 3 ขวบพบว่าลูกของเธอป่วยเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อเดือนมีนาที่ผ่านมา ซึ่งเธอได้สังเกตว่าเสื้อที่ใส่แล้วมีสิ่งแปลกปลอมสีแดงติดอยู่ แม้ว่าจะคิดว่าเป็นคราบสกปกทั่วไป แต่คุณแม่รายนี้ก็ไปตรวจดูที่หน้าอกของลูกเธอและต้องตกใจที่จับไปเจอก้อนเนื้อตรงหน้าอกด้านซ้าย จากนั้นเธอจึงนำตัวลูกส่งโรงพยาบาลทันทีเพื่อทำการตรวจให้แน่ใจ ซึ่งทางทีมแพทย์ได้แจงว่าทางครอบครัวของเด็กน้อยต้องยกเลิกการให้รับประทานอาหารในแบบที่ผิด เพราะว่าเด็กน้อยมีร่างกายที่โตก่อนวัย ซึ่งทางคุณพ่อคุณแม่ยืนยันว่าไม่ได้ให้ลูกกินอาหารเสริมหรืออาหารที่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด หลังจากที่กลับจากโรงพยาบาลแล้ว ด้วยความกังวลคุณแม่ได้พาลูกไปตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลอื่น ซึ่งทีมแพทย์ตรวจพบเนื้องอกที่อกด้านซ้าย พร้อมทั้งมีอาการบวมร่วมด้วย ซึ่งเบื้องต้นคุณหมอได้สั่งจ่ายยาและมีการผ่าตัด และการผ่าตัดก็เป็นไปได้ด้วยดี และเด็กน้อยก็กลับบ้านเพื่อพักฟื้น หลังจากที่เรื่องราวได้รับการเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต ชาวเน็ตต่างให้ความสนใจและเข้ามาให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม เรื่องมะเร็งเต้านม เราต้องหมั่นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ สร้างความตกใจให้กับคนทั่วโลกเป็นอย่างมากที่ผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมอายุเพียง 3 ขวบเท่านั้น ส่วนผู้อ่านเองหากมีอายุมากกว่า 20 ปี ขึ้นไปควรตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน และเข้าตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุก 3 – 5 ปี

เล่นสมาร์ทโฟนทำให้เป็นโรคมะเร็งได้จริงหรือ

ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนถือเป็นปัจจัยที่ 5 หรือไม่ก็อวัยวะที่ 33 ของผู้คนไปเสียแล้ว เราอยู่กับโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนตั้งแต่ตื่นนอน ไปทำงาน ไปโรงเรียน ไปเที่ยว ขึ้นเขาลงห้วยที่ไหนก็พกเจ้าสิ่งนี้ติดตัวไปด้วยเสมอ โดยประชากรในประเทศไทยมีผู้ใช้โทรศัพท์ถึง 56.55 ล้านคน และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี ส่วนอายุของผู้ที่มีโทรศัพท์ไว้ในครอบครองก็น้อยลง มีหน่วยงานที่รวบรวมสถิติข้อมูลของผู้ที่ใช้อินเตอร์เน็ตปรากฏว่าประเทศไทยไทยติดอันดับ 1 ในโลก และกรุงเทพยังเป็นเมืองที่มีผู้ใช้งานเฟสบุ๊คมากที่สุดในโลกอีกด้วย เล่นโทรศัพท์ก่อมะเร็ง นักวิทยาศาสตร์ให้ข้อสรุปว่า เด็กที่ใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนมีแนวโน้มว่าจะเป็นมะเร็ง 12 ประเภท อันประกอบไปด้วย มะเร็วเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งไต มะเร็งตับอ่อน เป็นต้น นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วเป็นที่ทราบดีว่าความสามารถในการมองเห็นของเด็ก ๆ จะลดลงเมื่อเล่นโทรศัพท์เกินกว่าเวลาที่กำหนดทุกวัน ใน 50 ปีที่ผ่านมา อัตราสายตาสั้นในเด็กพุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าตัวจาก 7.2 % เป็น 16.4 % ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มากจากการเล่นโทรศัพท์มือถือมากเกินไป ผู้ปกครองหลายรายซื้อโทรศัพท์ให้ลูกเพื่อให้ลูกเล่นและจะได้ไม่ร้องงอแง คือให้โทรศัพท์ช่วยเลี้ยงลูก และจากการศึกษาพบว่าเด็กที่มีการบริโภคแบบเฉื่อยซึ่งในที่นี้หมายถึงเด็กจะรับประทานอาหาร หรือนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารนิ่ง ๆ