Month: July 2018

“Korean Air” ความรุนแรงที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น

เรียกได้ว่าปล่อยความอื้อฉาวออกมาให้เห็นเป็นระลอก กับความเจ้าอารมณ์ของเหล่านายหญิงแห่ง Korean Air ย้อนไปเมื่อปลายปี 2557 นางสาวโช ฮยุน อาห์ บุตรสาวของนายโช ยัง โฮ ประธานบริษัท Korean Air ได้ขับไล่พนักงานต้อนรับลงจากเครื่องบินเที่ยวบินนิวยอร์ค-กรุงโซล เพราะไม่พอใจที่พนักงานนำถั่วมาเสิร์ฟให้เธอทั้ง ๆ ที่ไม่ได้สั่ง และยังเสิร์ฟเป็นห่อโดยไม่ได้เทใส่ถ้วยตามระเบียบของสายการบิน นางสาวโช ฮยุน อาห์ ได้สั่งการให้หัวหน้าพนักงานลงจากเครื่องบิน เนื่องจากไม่สามารถควบคุมให้ลูกเรือปฏิบัติตามได้ ทำให้เที่ยวบินนั้นต้องล่าช้ากว่ากำหนดถึง 20 นาที เมื่อเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไป เป็นผลให้เธอถูกวิจารณ์อย่างหนักจากประชาชนเกาหลีใต้และชาวโซเชียลทั่วโลก ต่อมาในเดือนเมษายนปี 2561 นางสาวโช ฮยุน มิน ผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสของ Korean Air ซึ่งเป็นน้องสาวของโช ฮยุน อาห์ ได้ถูกสั่งพักงานเนื่องจากเธอได้ขว้างแก้วน้ำใส่เข้าที่ใบหน้าของผู้จัดการฝ่ายโฆษณาในระหว่างการประชุม ส่งผลให้สหภาพแรงงานของสายการบินเรียกร้องให้เธอลาออก และยิ่งไปกว่านั้นกระแสสังคมพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงพฤติกรรมก้าวร้าวและไม่เหมาะสมของเธอ ล่าสุดนางมยอง ฮี ภรรยาของนายโช ยัง โฮ ได้ถูกตำรวจเกาหลีใต้เชิญตัวไปสอบปากคำหลังจากมีคลิปวีดีโอถูกเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ของเกาหลีใต้ซึ่งถูกแอบถ่ายไว้ตั้งแต่ปี

พฤษภา – มิถุนา เวลาทองของ “สับปะรดศรีราชา”

สับปะรดศรีราชาขึ้นชื่อในเรื่องของความความอร่อย หวาน เหมือนอาบน้ำผึ้ง ลักษณะพิเศษคือทานได้ในขณะที่เปลือกยังมีสีเขียว เพราะข้างในสุกและฉ่ำ เรียกว่าเป็นสับปะรดที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ สับปะรดศรีราชานั้นไม่ได้ปลูกแค่ในอำเภอศรีราชา แต่ปลูกกันมากในหลาย ๆ อำเภอของจังหวัดชลบุรี ถ้ามีโอกาสใช้ถนนเส้นชลบุรี-ระยองในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน หรือในช่วงฤดูฝน ก็จะได้พบกับไร่สับปะรดที่กำลังถูกเก็บเกี่ยวผลผลิตจากเกษตรกร ประกอบกับเส้นทางที่มีความสวยงามของธรรมชาติในหน้าฝน ทิวทัศน์ธรรมชาติมีทั้งภูเขา ต้นไม้ และเรือกสวนไร่นาทางการเกษตรนั้น สามารถสร้างบรรยากาศการเดินทางให้รู้สึกปลอดโปร่ง สดชื่น ผลิตผลทางการเกษตรที่จะพบเห็นทั้งสองข้างทาง ได้แก่ มันสำปะหลัง และสับปะรดศรีราชา ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวจะเห็นพ่อค้าแม่ค้าเอาสับปะรดจากสวนของตัวเองมาขายริมถนน ทั้งขาเข้าและขาออกกรุงเทพฯ ราคาจะอยู่ที่ 10 กิโลกรัม 100 บาท (ราว ๆ 3-4 หัว) สามารถซื้อเป็นของฝากหรือเอากลับไปทานที่บ้านได้ สำหรับใครที่อยากจะทานสด ๆ ทางร้านก็จะมีสับปะรดปอกแช่เย็นหวานฉ่ำไว้คอยบริการราคาถุงละ 20 บาท ซึ่งถูกมาก ๆ เมื่อเทียบกับรสชาติและความประทับใจ นอกจากนี้ยังมีสินค้าแปรรูปจากสับปะรดเช่น สับปะรดกวน สับปะรดกระป๋อง ลูกอมสับปะรด ฯลฯ

“วงการโทรทัศน์” ความนิยมลดลงเพราะ YouTube

                เมื่ออินเทอร์เน็ตสามารถใช้งานได้ทั่วโลก ความนิยมของ YouTube จึงเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ผู้คนทั่วโลกใช้ YouTube เป็นช่องทางแสดงความสามารถ เพื่อความบันเทิง รวมไปถึงการศึกษาหาความรู้ ซึ่งก่อนหน้านั้นหลายสิบปีเรามีโทรทัศน์เป็นเหมือนศูนย์รวมความบันเทิง ข่าวสาร และความรู้ ดูเหมือนว่าโทรทัศน์เป็นสิ่งที่ทันสมัยที่สุด แต่ก็มีข้อเสียสำคัญประการหนึ่งคือ ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ชมได้อย่างทั่วถึง ผู้ชมไม่มีสิทธิ์เลือกดูรายการที่ตนสนใจในเวลาสะดวก แต่ YouTube ทำได้โดยผู้ชมมีสิทธิ์เลือกดูรายการอะไรและเวลาใดก็ได้ โทรทัศน์จึงเสียเปรียบในข้อนี้ สำหรับวงการโทรทัศน์ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะได้เป็นผู้ดำเนินรายการ เพราะต้องผ่านขั้นตอนมากมายเริ่มตั้งแต่การสมัคร ฝึกฝน เพื่อพร้อมเข้าสู่การเป็นมืออาชีพหน้ากล้อง แต่สำหรับ YouTube ทุกคนสามารถเป็นผู้ดำเนินรายการของช่องตัวเองได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการคัดกรองใดๆให้เสียเวลา มีอิสระในการนำเสนอเรื่องราวที่ตนมีความถนัดและสนใจ ซึ่งต่างจากช่องรายการโทรทัศน์ ก่อนนำเสนอเรื่องราวใด ๆ นั้นจะต้องผ่านความเห็นชอบจากหลายฝ่าย และผู้ดำเนินรายการมีหน้าที่รายงานผ่านหน้ากล้องเท่านั้น ส่วนรายได้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของช่อง โดยไม่เกี่ยวกับจำนวนคนดู ไม่ว่าจะมีจำนวนผู้ชมมากหรือน้อย ผู้ดำเนินรายการก็ได้รายได้เท่าเดิม ผู้ชมมาก ยิ่งรวยมาก จำนวนผู้ติดตามและจำนวนผู้ชมใน YouTube มีผลต่อรายได้ของผู้ดำเนินรายการ ซึ่งขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของเนื้อหา ถ้าได้รับความสนใจมากและมีผู้ชม ผู้ติดตามจำนวนมาก ก็จะมีโฆษณาเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นที่มาของรายได้ ผู้ดำเนินรายการจะได้รับส่วนแบ่งจากจำนวนผู้ชมโฆษณา นี่คือความแตกต่างของโทรทัศน์เพราะไม่สามารถทำเงินได้มากกว่าเงินเดือนหรือค่าจ้างของตน จำนวนผู้ชมและจำนวนโฆษณาก็ไม่มีผลต่อรายได้ของผู้ดำเนินรายการ

ธุรกิจ “บุฟเฟต์” ไปได้ดีเพราะมีสิทธิ์เลือก

เรารู้จักอาหารบุฟเฟต์กันมาสักพักใหญ่ ซึ่งแพร่หลายไทยมาแล้วราว ๆ สิบกว่าปี หมูกระทะหัวละ 69 บาทเป็นจุดเริ่มต้นการทำความรู้จักอาหารบุฟเฟต์ของคนไทย ร้านหมูกระทะบุฟเฟต์ที่เริ่มแพร่หลายไปทั่วประเทศ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ทำให้คนไทยเริ่มคุ้นเคยกับการกินอาหารบุฟเฟต์ คนไทยชอบกินอาหารบุฟเฟต์จากความรู้สึกว่า ทุกคนไม่ว่าจะมีรายได้ระดับไหน เมื่ออยู่ในร้านบุฟเฟต์ก็จะมีสิทธิ์ในการเลือกเท่า ๆ กัน ความเหลื่อมล้ำในความรวยและจนเป็นปัญหาสังคมอย่างหนึ่งของของคนไทย การเข้าไปใช้บริการร้านอาหารที่ไม่รู้งบประมาณที่แน่นอน ทำให้คนไทยหลายคนรู้สึกกลัวการทานอาหารนอกบ้าน แต่บุฟเฟต์มีข้อกำหนดราคาที่ตายตัว ทำให้ผู้เข้าไปใช้บริการไม่ว่าจะมาจากที่ใด ไม่รู้สึกเขินอายเมื่อถึงเวลาชำระค่าอาหาร เพราะรู้ราคาล่วงหน้าและมีการวางแผนมาแล้ว ทานเท่าไรก็ได้ไม่จำกัด ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม การมีสิทธิ์ตัดสินใจในรายการอาหารของตน ก็เป็นเหตุผลหลัก ๆ ให้คนเลือกทานอาหารบุฟเฟต์มากกว่าอาหารที่เสิร์ฟในจานธรรมดา ถึงแม้ว่าอาหารบางอย่างมีราคาเท่ากัน แต่คนก็มักจะเลือกทานบุฟเฟต์มากกว่า หรืออาหารที่เหมือนกันแต่แบบธรรมดาราคาถูกกว่าบุฟเฟต์ หลายคนก็ยังเลือกทานบุฟเฟต์ การเข้าใจว่าตนเองมีอิสระในการเลือกทานอาหารอะไรก็ได้ในปริมาณเท่าไหร่ก็ได้นั้น เป็นสิ่งที่สนับสนุนในการตัดสินใจเลือกทานอาหารประเภทนี้ เมื่อตระหนักว่าการจ่ายเงินหนึ่งครั้งต่อทางเลือกอาหารหลาย ๆ อย่างนั้น คุ้มค่ากว่าจ่ายเงินหนึ่งครั้งต่ออาหารอย่างเดียว ผู้บริโภคจึงรู้สึกว่าตนมีสิทธิ์เลือกและไม่ถูกควบคุม จึงทำให้ทัศนคติต่ออาหารบุฟเฟต์มักอยู่ในทางบวกมาเสมอ ความจริงแล้วไม่ใช่ผู้บริโภคเป็นฝ่ายควบคุม แต่กลับกันเจ้าของกิจการบุฟเฟต์ต่างหากที่เป็นผู้ควบคุม โดยราคาต่อหัวสำหรับการทานบุฟเฟต์นั้นถูกกำหนดโดยเจ้าของร้าน ธุรกิจอยู่ได้ด้วยกำไรจากผลผลิต ดังนั้นกิจการร้านอาหารบุฟเฟต์ก็ไม่ได้ทำเพื่อการกุศล การคำนวณราคาวัตถุดิบและค่าอาหารต่อลูกค้าหนึ่งคน ถูกคำนวณมาอย่างรอบคอบว่าเท่าไหร่จึงจะไม่ขาดทุน ทั้งหมดจึงไม่ใช่ความใจดีของเจ้าของกิจการที่ให้ลูกค้าทานในปริมาณไม่จำกัด แต่สิ่งที่ทำให้ธุรกิจบุฟเฟต์อยู่ได้ก็คือ ความรู้สึกของลูกค้าที่ว่าตนมีสิทธิ์เลือกแน่ๆเมื่อตัดสินใจทานอาหารบุฟเฟต์

“โลกร้อน” เป็นปัญหาของมวลมนุษยชาติ ชิคาโก ร้อนแท้ ไม่แพ้ไทย

ประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่อากาศร้อนมากที่สุดในฤดูร้อน โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ที่มีค่าความร้อนและอัตราการปล่อยสารพิษสู่ชั้นบรรยากาศเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก สาเหตุหลักที่กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองมลพิษก็มาจากความร้อนที่ดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี ยิ่งร้อนมากผู้คนก็ยิ่งใช้เครื่องปรับอากาศมาก รวมไปถึงความหนาแน่นของการจราจรและผู้ใช้รถใช้ถนน การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์สู่ชั้นบรรยากาศ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อากาศร้อนขึ้น ไม่ใช่กรุงเทพฯ เท่านั้นที่ต้องเผชิญกับอากาศร้อนขึ้นทุกปี แต่หลาย ๆ ประเทศก็ได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นเช่นกัน รายงานล่าสุดจากเว็บไซต์ชิคาโก ซัน ไทมส์ ระบุว่าฤดูร้อนปีนี้เป็นปีที่อุณหภูมิสูงที่สุดในรอบ 5 ปีของเมืองชิคาโก โดยอุณหภูมิในบ่ายวันเสาร์ช่วยปลายเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมาได้พุ่งสูงถึง 32 องศาเซลเซียส ทำให้ชาวเมืองชิคาโกนั้นหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านในวันหยุดสุดสัปดาห์ นอกจากนี้กรมอุตุนิยมวิทยาของเมืองชิคาโกยังระบุอีกว่า อุณหภูมิมีโอกาสสูงขึ้นถึง 34 องศาเซลเซียสในอีก 2 วันข้างหน้า “ร้อนจนคนต้องตาย” อากาศร้อนสามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายหลายอย่าง โดยเฉพาะอาการเจ็บป่วยอย่างเฉียบพลัน มีสาเหตุมาจากอุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น นั่นคือโรคลมแดด (Heat Stroke) มีอันตรายอย่างมาก อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากการทำงานผิดปกติของสมอง ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ปวดศีรษะ ความดันโลหิตต่ำ