โร้ด ทู โตเกียว ตั๋วโอลิมปิกใบสุดท้ายของสาวไทยหลาย ๆ คน

โอลิมปิก คือมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก นักกีฬาทุกคนและทุกประเภทกีฬาต่างหวังว่าจะมีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันซักครั้งหนึ่งในชีวิต และโอลิมปิก โตเกียว 2020 ที่จะถึงนี้ ทัพนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงไทย มีโอกาสดีที่จะเข้าไปเล่นในโอลิมปิกครั้งนี้ด้วย โดยการชิงตั๋วใบสุดท้ายโซนเอเชีย

                ทั้งนักกีฬาและแฟนวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ต่างหวังกับตั๋วใบสุดท้ายใบนี้มาก ๆ ด้วยเหตุผลประกอบหลาย ๆ อย่างมันทำให้พวกเราต่างรู้สึกว่า ครั้งนี้ทัพนักกีฬาของเราเข้าใกล้โอลิมปิกที่สุดแล้ว เพราะยักษ์ใหญ่ในทวีปอย่างจีนและญี่ปุ่นต่างได้โควตาคว้าตั๋วรอบสุดท้ายไปก่อนหน้านี้แล้ว นั่นเท่ากับว่าการแย่งตั๋วใบสุดท้ายนี้ จะมีคู่ต่อสู้ที่มีศักยภาพทัดเทียมกันอยู่เพียงแค่ เกาหลีใต้, คาซัคสถาน และไต้หวันเท่านั้นเอง แถมการแข่งขันยังรอบนี้จัดขึ้นที่บ้านเราอีกด้วย โดยจัดแข่งขันที่สนามชาติชาย ฮอลล์  จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเมืองวอลเลย์บอลเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นเรื่องเสียงเชียร์ไม่ต้องห่วงเลย

                การแข่งขันรอบนี้ทีมชาติไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่ม A ร่วมกับ ไต้หวัน และออสเตรเลีย  ส่วนกลุ่ม B มีเกาหลีใต้ ,อินโดนีเซีย,อิหร่าน และคาซัคสถาน ทัพสาวไทยจบรอบแบ่งกลุ่มโดยการเป็นอันดับ 1 กลุ่ม A เข้ารอบรองชนะเลิศไปเจอกับที่ 2 กลุ่ม B คาซัคสถาน ที่ได้เปรียบเรื่องความสูงมาก ๆ แต่สาวไทยก็ใช้การเคลื่อนที่ ที่คล่องแคล่วกว่าเก็บชัยชนะมาได้ แม้ว่าต้องเหนื่อยเล่นถึง 4 เซ็ทก็ตาม จนได้ผ่านเข้าเล่นในนัดชิงชนะเลิศกับคู่ปรับสำคัญอย่างทีมชาติเกาหลีใต้ ที่นำทีมมาโดย “กัปตันคิม” คิม ยอน คยอง ที่แฟน ๆ กีฬาชาวไทยรู้จักเป็นอย่างดี

                มันคือแมทช์ที่สำคัญที่สุด ทุกคนทั้งนักกีฬาและแฟน ๆ วอลเลย์บอลต่างคาดหวังถึงชัยชนะ และทุกความคาดหวังถูกโยนไปแบกไว้บนบ่าของพวกเธอ นี่อาจจะเป็นดาบคมที่สอง หรือข้อเสียของการเล่นต่อหน้าแฟน ๆ ของตัวเองก็เป็นได้ มันค่อนข้างเห็นได้ชัดว่า นักกีฬาทุกคนลงสนามด้วยสีหน้าที่ส่อแววกังวล รอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเธอไม่เหมือนเดิม เพราะนี่คือโอกาสได้ไปโอลิมปิกครั้งสุดท้ายของผู้เล่นหลายคนด้วย แถมต้องแบกความคาดหวังของแฟน ๆ ทั่วประเทศไว้อีก และเมื่อรูปเกมในสนามไม่เป็นที่หวัง ความกดดันทั้งหมดทั้งมวลจึงแสดงผลงานของมันออกมาทันทีที่การแข่งขันจบลง

                หยดน้ำตาของเหล่านักกีฬาของเราหลังจบการแข่งขัน มันบ่งบอกถึงความเสียใจของทุกคน และคำพูดที่ออกมาจากปากของพวกเธอทุกคน จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ขอโทษ หนูทำไม่ได้” คำนี้มันแสดงให้เห็นว่า เหนือกว่าความคาดหวังส่วนตัว ที่จะก้าวเข้าไปร่วมโอลิมปิก อันถือเป็นเกียรติยศแก่ชีวิตนักกีฬาของพวกเธอ สิ่งที่พวกเธอเห็นว่าสำคัญกว่าคือความคาดหวังของแฟนกีฬาชาวไทย ที่ฝากไว้กับพวกเธอ จึงอยากจะฝากผ่านบทความนี้ไปถึงแฟน ๆ ที่ต่อว่าพวกเธอ อย่าไปพูดอะไรที่เป็นการซ้ำเติมความรู้สึกของพวกเธอเลย พวกเธอสู้เผื่อทุกคนเท่าที่แรงของพวกเธอมีแล้ว และขอเป็นกำลังใจให้นักกีฬาทุกคนสู้ต่อไป น้อง ๆ ดาวรุ่งในทีมยังมีโอกาสไปถึงฝัน ส่วนพี่ ๆ นั้นถ้าตอนเป็นนักกีฬาไปไม่ถึง จะนำทีมไปแข่งในฐานะโค้ชของน้อง ๆ ก็เป็นทางเลือกที่น่าคิดอยู่ไม่น้อยเช่นกัน