บัลเบร์เด้กุนซือผู้กำลังทำลายมรดกของโยฮัน ครัฟฟ์?

เอร์เนสโต บัลเบร์เด้ เกิดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 1964 เป็นอดีตนักฟุตบอลของสโมสรเอสปันญ่อลและบาร์เซโลน่า บัลเบรเด้ย้ายมาร่วมทัพบาซ่าในยุคของโยฮัน ครัพฟ์เขาเล่นในตำแหน่งฟอร์เวิร์ด ลงเล่นให้บาร์เซโลน่าไปทั้งสิ้น 22 นัด (ทำได้ 8 ประตู) ติดทีมชาติสเปน 1 นัดก่อนย้ายไปเล่นให้กับแอตแลนติก บิลเบาถึง 170 นัดและแขวนสตั๊ดกับสโมสรเรอัล มายอร์ก้าเป็นสโมสรสุดท้าย

ศิษย์ก้นกุฏิโดยตรง

เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้นับว่าเป็นกุนซือคนหนึ่งที่มีสายสัมพันธ์กับบาร์เซโลน่าโดยตรงเหมือนเทรนเนอร์และคนอื่น ๆ อีกหลายคนที่ร่วมสร้างชื่อเสียงให้กับสโมสรเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็น “เป๊บ กวาร์ดิโอล่า” โค้ชอันดับแรก ๆ ของโลกในปัจจุบันที่เคยพาบาร์ซ่าคว้าทุกแชมป์มาแล้ว, ไอตอร์ เบกิริสไตน์ อดีตผู้อำนวยการฟุตบอลซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและยังทำงานร่วมกับเป๊ปทั้งในบาร์ซ่าและแมนฯซิตี้ในปัจจุบัน, ตีโต้ บีลาโนบาอดีตโค้ชผู้เสียชีวิตไปแล้ว, หลุยส์ เอ็นริเก้โค้ชคนก่อนซึ่งเคยพาทีมพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์มาแล้วแต่เลือกที่จะไม่ต่อสัญญา และโดยเฉพาะโยฮัน ครัพฟ์ซึ่งเป็นทั้งโค้ชของเราไปโดยตรง “เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้” จึงน่าจะเป็นหนึ่งในผู้ที่เหมาะสมในการพาทีมบาร์เซโลน่าบินสูงต่อไป

ความสำเร็จที่ไม่อาจล้างตราบาปให้ลบเลือน

2 ฤดูกาลที่บัลเบร์เด้คุมบาร์เซโลน่า เขาพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ทันทีในปีแรกและเกือบทำสำเร็จในปีที่ 2 แต่นั่นกลับไม่ใช่สิ่งที่แฟนบอลจดจำเท่ากับการพาทีมตกรอบยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2017 โดยแพ้ให้กับโรม่าและลิเวอร์พูลด้วยสกอร์แบบให้อภัยไม่ได้ 0-3, 0-4 ด้วยสไตล์การเล่นที่แฟนบอลของตัวเองเรียกว่า “ขี้ขลาด” ด้วยการพยายามตั้งรับและไม่บุกไปข้างหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับทีมอย่างบาร์เซโลน่า  ถึงแม้ทีมจะเคยแพ้ให้แก่เอซี มิลานถึง 4-0 ในนัดชิงยูโรเปี้ยน คัพซึ่งมีโยฮัน ครัฟฟ์เป็นกุนซือในเวลานั้น แต่ทีมของครัพฟ์พยายามเปิดเกมรุกต่อสู้กับมิลานของคาเปลโล่ซึ่งเป็นเจ้าแห่งเกมรับในเวลานั้นได้อย่างสมศักดิ์ศรี ซึ่งแตกต่างจากบาร์ซ่าในยุคปัจจุบันของบัลเบร์เด้เสียเหลือเกิน

เริ่มต้นฤดูกาลโดยไร้เมสซี่

เมื่อเมสซี่นักเตะอันดับ 1 ของทีมต้องพลาดการลงสนามในช่วงแรกฤดูกาลติดต่อกันหลายนัดเนื่องจากอาการบาดเจ็บ ทำให้บาร์ซ่าต้องแพ้ถึง 2 ใน 4 นัด ถึงแม้ทีมจะทุ่มเงินกว่า 200 ล้านยูโรคว้าอ็องตวน กรีซมันน์และแฟรงกี้ เดอ ยอง แต่ทั้งคู่ยังคงต้องใช้เวลาปรับตัวเข้ากับทีมใหม่อีกพอสมควร เมื่อเป็นเช่นนี้กระแส “valvede out” จึงกลับมาก่อตัวขึ้นมีให้เห็นอย่างมากมายตามโลกโซเชียลอีกครั้ง เวลาของเอร์เนสโต้ บัลเบรเด้กำลังหมดลงแล้วอย่างช้า ๆ