ต้นแบบพลังทางเลือก กับอนาคตที่ต้องรีบวางแผน

เป็นที่ทราบกันดีว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินชีวิต และการดำเนินไปของโลกคือ “พลังงาน” แต่ปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นกับโลกของเราในอนาคต แน่นอนว่าต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องของพลังงาน ทั่วโลกจึงหันมาสนใจกับพลังงานทางเลือกมากขึ้น หลังจากตระหนักรู้ดีว่า หากไม่มีการวางแผนเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ในอนาคตอันใกล้พลังงานจะกลายเป็นปัญหาใหญ่หลวงที่ยากจะแก้ไข

เมื่อเป็นเช่นนี้ประเทศต่าง ๆ จึงตื่นตัวที่จะพัฒนาพลังงานทางเลือกมากขึ้น โดยมองหาพลังงานอื่นที่สามารถนำมาใช้เพิ่มเติม ทดแทนจากพลังงานเดิมที่ใช้กันอยู่ ซึ่งได้แก่ พลังงานนิวเคลียร์จากถ่านหินเป็นหลัก ในการใช้พลังงานถ่านหินขณะเดียวกันก็ทำลายทรัพยากรธรรมชาติให้ร่อยหรอลงไปทุกทีเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเห็นข่าวการต่อต้านโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้ง ๆ ที่การก่อสร้างนั้นก็เป็นไปเพื่อการดำรงชีวิตของเราในอนาคต แต่ด้วยเพราะตระหนักถึงผลกระทบที่จะตามมาในอนาคต ทำให้เกิดกลุ่มที่ต่อต้านขึ้นมา  ผลกระทบที่ว่านั้นเป็นยังไงล่ะ? อาจจะมีบางคนเกิดความสงสัย ไม่ต้องดูอะไรมาก ทำไมโลกถึงร้อนขึ้นทุกวัน และเพิ่มขึ้นทุกปี ทำไมภัยธรรมชาติเช่น น้ำท่วม ไฟป่า ทั้งในและต่างประเทศมีความรุนแรงขึ้น สิ่งเหล่านี้ก็ล้วนเป็นผลมากจากการที่ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายมากขึ้นทั้งสิ้น

จากเหตุและผลดังกล่าว ทำให้ประเทศต่าง ๆ หันมาให้ความสนใจกับพลังงานทางเลือกมากขึ้นอย่างที่ได้กล่าวไป ทางเลือกที่ว่าก็คงไม่พ้น พลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น และแน่นอนการศึกษาทางเลือกดังกล่าวก็จำเป็นต้องมีต้นแบบในการเป็นแหล่งเรียนรู้ หนึ่งในประเทศที่จะเป็นต้นแบบด้านพลังงานทางเลือกได้เป็นอย่างดีคือประเทศ “เดนมาร์ก” ซึ่งเป็นประเทศต้นแบบในการพัฒนาพลังงาน “ลม” โดยเฉพาะ ในปีที่ผ่านมาเดนมาร์กสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมใช้ในประเทศได้มากถึง 43.6 % ของปริมาณพลังงานทั้งหมดที่ผลิตได้ในประเทศ นับเป็นสถิติใหม่ที่ทั่วโลกต่างตะลึงไปตาม ๆ กัน เท่านั้นยังไม่พอ ในอีก 2 ปีข้างหน้า เดนมาร์กมีแผนพัฒนาพลังงานทางเลือกใช้ในประเทศให้ได้ 50 % ของพลังงานที่ผลิตได้ทั้งหมดในประเทศ โดยจะขยายฐานการผลิตพลังงาน ทั้งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ ด้วยเหตุนี้เองเดนมาร์กจึงเหมาะแก่การเป็นแหล่งศึกษาดูงานของนานาประเทศได้อย่างดีเยี่ยม

การขับเคลื่อนประเทศต้องใช้พลังงาน และการใช้พลังงานก็ต้องใช้ทรัพยากร แต่คำถามคือ ทำอย่างไรให้การใช้และการผลิตพลังงานเกิดประสิทธิภาพยั่งยืน สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ได้นานมากที่สุด โดยทำลายทรัพยากรธรรมชาติให้น้อยที่สุด แบบพลังงานทางเลือกอย่างพลังงานลม ดังนั้นพลังงานแสงอาทิตย์ก็คงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดเช่นกัน ซึ่งไม่เพียงแต่จะสามารถทดแทนพลังงานที่หมดลงไปทุกขณะ หากมีการพัฒนาที่สอดคล้องกัน จะยังเป็นพลังงานที่ยั่งยืนไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ